ข่าว

'ตม.' เดินหน้าจับมือ 'ตำรวจจีน' กวาดล้างชาวจีนหนีซุกไทย

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

'ตม.' ร่วมหารือ 'ตำรวจจีน' ขึ้นบัญชีดำชาวจีน หนีคดีซุกไทย ใช้เป็นฐานก่อ 'อาชญากรรม' ชาติเดียวกัน เผยหลังโควิด จับตัวเรียกค่าไถ่พุ่ง สุดท้ายไม่รอดถูกจับทุกคดี

17 ก.ค.2566 พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ผบช.สตม.) มีการแถลงการจับกุมชาวไทย พร้อมชาวจีน รวม 6 คน พยายามลักลอบขนคนจีนข้ามชาติไปทำงานเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในพื้นที่ประเทศเมียนมา 

 

เครือข่ายนี้ มีพฤติการณ์หลอกลวงคนจีนด้วยกันให้ไปทำงานเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่บ่อนคาสิโน และลักลอบเข้ามาในประเทศ โดยเดินทางมาจากประเทศเวียดนาม ผ่านแม่น้ำโขง ที่ประเทศลาวเข้ามายังพื้นที่ประเทศไทย ตามชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ แล้วนำลงมาที่จุดนัดพบ ในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา และ จ.ปทุมธานี ก่อนจะให้อีกทีมนำกลุ่มคนจีนเหล่านี้ ไปส่งยังชายแดนประเทศเมียนมา ที่ จ.ตาก ก่อนพาข้ามพรมแดนไปทำงานเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในประเทศเมียนมา

 

ประเทศไทยถือเป็นอีกหนึ่งประเทศที่ชาวจีน นิยมเข้ามาท่องเที่ยว หรือ ทำธุรกิจ กระจัดกระจายตามหัวเมืองใหญ่ ซึ่งบางครั้งชาวจีน บางรายใช้ไทย เป็นแหล่งก่ออาชญากรรม

 

 

 

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) มีการเฝ้าระวัง กลุ่มชาวจีน ที่มาใช้ประเทศไทย เป็นฐานก่ออาชญากรรม โดยมีการประสานกับทางการจีน อยู่ตลอดเวลาเพื่อขึ้นบัญชีดำชาวจีนที่กระทำผิดกฎหมาย

 

 

 

พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รองผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (รองผบช.สตม.) เปิดเผย "คมชัดลึก" ถึงความร่วมมือกับทางการจีน ในการหาแนวทางมาตรการในการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมคนจีน ที่จะเข้ามาก่อเหตุกับคนจีนด้วยกันโดยใช้ไทยเป็นแหล่งก่อเหตุ แล้วหลบหนีออกนอกประเทศ รวมถึงมีบางส่วนเดินทางมายังประเทศไทยเพื่อหลบหนีการกระทำความผิดมาจากจีน เข้ามาในประเทศไทย อีกทั้งบางส่วนใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด และประกอบธุรกิจผิดกฎหมายในประเทศไทย

 

พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รองผบช.สตม.

 

 

 

 

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ต.พันธนะ ได้เดินทางไปประชุมหารือร่วมกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจมณฑลต่าง ๆ ที่สำคัญในประเทศจีน เพื่อหาแนวทางในการสกัดกั้น และป้องกันไม่ให้ผู้ที่มีประวัติในการกระทำความผิด หลบหนีเข้ามาในประเทศไทย 

 

 

 

พล.ต.ต.พันธนะ กล่าวว่า ชาวจีนที่เข้ามาเมืองไทย ส่วนใหญ่เดินทางเข้ามาถูกต้องตามกฎหมาย ทั้งท่องเที่ยว และเข้ามาทำธุรกิจ ถือว่าเป็นอันดับหนึ่ง ที่เข้ามาในประเทศไทย แหล่งประกอบธุรกิจของชาวจีน มีมากย่านรัชดา ทั้งร้านค้า  ร้านอาหาร และสถานบันเทิง

 

พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รองผบช.สตม. หารือกับตำรวจจีน

พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รองผบช.สตม.ร่วมหารือตำรวจจีน

 

 

 

 

ตั้งแต่หลังสถานการณ์โควิด คลี่คลาย มักจะมีการก่อเหตุของชาวจีน ในรูปแบบเรียกค่าไถ่เกิดขึ้นในประเทศไทย แต่ที่สุดตำรวจก็สามารถติดตามจับกุมได้ทุกคดี ในปฎิบัติการ "ยุทธการมังกรซ่อนกาย"ที่สามารถประสานกับจีน จนนำไปสู่การจับกุมคนร้าย

 

 

 

จากความร่วมมือกับทางการจีน ให้ข้อมูลเกี่ยวกับชาวจีน ที่ก่ออาชญากรรมในประเทศตัวเอง แล้วหลบหนีเข้ามาในประเทศไทย หรือ ใช้ประเทศไทย เป็นทางผ่านไปประเทศที่สาม ซึ่งประเทศไทย ได้ให้ความร่วมมือกับทางการจีน ในการติดตามจับตัวคนร้าย  ขณะเดียวกันเมื่อทางการไทย ต้องการจับกุมคนร้ายที่หลบหนีไปยังประเทศจีน ก็จะได้รับความร่วมมือจากจีน ในการช่วยติดตามจับกุมคนร้าย

 

 

 


โดยเฉพาะชาวจีนในมณฑลเซียงไฮ้ กระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญกรรมทางเศรษฐกิจ แล้วหลบหนีเข้ามาไทย ซึ่งข้อมูลส่วนนี้ทำให้ทางการไทย ทำงานง่ายขึ้นในการติดตามจับกุมผู้กระทำความผิด ที่ใช้ไทยเป็นแหล่งกบดาน

 

ตม.จับขวนการลักลอบขนคนจีนไปทำงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ประเทศเมียนมา

ตม.จับขวนการลักลอบขนคนจีนไปทำงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ประเทศเมียนมา

 

 

 

พล.ต.ต.พันธนะ กล่าวอีกว่า ก่อนหน้านี้นอกจากชาวจีน ที่เข้าไทยแล้ว ยังมีชาวยุโรป ชาวตะวันออก รัสเซีย ที่เข้ามาก่ออาชญากรรมในไทย แต่หลังจากเกิดสถานการณ์โควิด ขึ้นทำให้คนกลุ่มนี้หายไป ซึ่งเมื่อสถานการณ์โควิด คลี่คลายมีการเปิดประเทศ ไม่พบคนกลุ่มนี้เข้ามาไทย

 

 

 


อย่างไรก็ตาม สตม. ถือเป็นด่านหน้าในการเฝ้าระวัง ตรวจคัดกรอง บุคคลที่เข้าประเทศ มีการตรวจสอบหนังสือเดินทาง ตรวจสอบแบล็คลิสต์ รวมทั้งมีการอัพเดทข้อมูลที่พักอาศัยของชาวต่างชาติที่เข้ามาพักในไทย  เมื่อเกิดเหตุอาชญากรรม สามารถนำมาใช้ในการติดตามจับกุมคนร้ายได้ทันท่วงที

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ