ข่าว

พลิกตำนาน 'มาเฟียพัทยา' จาก อุลริค โวล์ฟกัง สู่ โอลาฟ แก๊ง Outlaws

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

พลิกตำนาน 'มาเฟียพัทยา' จาก อุลริค โวล์ฟกัง สู่ 'โอลาฟ' แก๊ง Outlaws หัวหน้าทีม อุ้มฆ่าหั่นศพ 'นักธุรกิจเยอรมัน'

“อุ้มฆ่าหั่นศพ” นักธุรกิจเยอรมัน ฮันส์ ปีเตอร์ แรลเตอร์ มัค หลัง หายตัวปริศนา นับเป็นอีกหนึ่งคดีสะเทือนขวัญ ที่เกิดขึ้นในเมืองพัทยา และทำให้ชื่อของ “โอลาฟ” หนึ่งในแก๊ง Outlaw แก๊งมอเตอร์ไซค์นอกรีต หัวหน้าทีมอุ้มฆ่า เป็นที่รู้จักขึ้นมาทันที เพราะพฤติกรรมการก่อคดี เป็นที่น่าสะพรึง

 

 

 

 

 

เรื่องราวของ “มาเฟียพัทยา” จึงถูกพลิกแฟ้มขึ้นมา เพราะคดีฆาตกรรมโหด ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ ไม่ใช่ครั้งแรก แต่ที่เรียกได้ว่าเป็นตำนาน หลายคนน่าจะนึกถึง “โลธาร์ ครุนซ์ ลุนซ์แมน” และ “อุลริค โวล์ฟกัง” ล้วนเป็นชาวเยอรมัน ที่มาตั้งรกรากในเมืองพัทยา ตั้งตัวเป็นมาเฟีย แผ่บารมี

 

วินาทีรวบโอลาฟ

พลิกตำนาน “มาเฟียพัทยา”

 

 

 

ปลายปี 2530 เป็นต้นมา เรื่องราวของมาเฟียชาวต่างชาติในเมืองพัทยา ถูกเปิดเผยขึ้น เริ่มจากนายโลธาร์ ครุนซ์ ลุนซ์แมน ชาวเยอรมัน ในคราบของนักธุรกิจการท่องเที่ยว เช่าโรงแรมใกล้สถานีตำรวจพัทยา เพื่อรับรองนักท่องเที่ยวและลงทุน เป็นเจ้าของสถานบริการหลายแห่ง มีบารมีแผ่ขยายไปตามสถานที่ราชการ ตำรวจ ฝ่ายปกครองที่มีอำนาจออกใบอนุญาตประกอบการ รวมทั้งเจ้าหน้าที่สรรพสามิตด้วย

 

 

 

นายโลธาร์ ถูกตั้งข้อสงสัยว่า ค้ายาเสพติดไปยังต่างประเทศผ่านเรือสินค้า แต่ก็ไม่มีรายงานการจับกุมที่เป็นทางการ จนปี 2531 มีคดีสังหารชาวเยอรมันที่มาท่องเที่ยวในเมืองพัทยา รวมทั้งนักท่องเที่ยวสัญชาติอื่นๆ เกิดขึ้นเป็นประจำ ขณะที่ผู้ประกอบการในเมืองพัทยา ถูกเรียกค่าคุ้มครอง ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นฝีมือของลูกน้องนายโลธาร์

 

 

 

ต่อมาเรื่องราวของนายโลธาร์ ถูกเปิดเผยในที่ประชุมระดับข้าราชการจังหวัด และปีดังกล่าว เกิดคดีสังหารชาวเยอรมันและออสเตรียหลายคน ที่มีเรื่องขัดแย้งกับนายโลธาร์ จนในที่สุดเขาก็ถูกขึ้นบัญชีดำของตำรวจไทยในปี 2534 นำไปสู่การเนรเทศกลับเยอรมนี

 

                      อุลริค โวล์ฟกัง มาเฟียพัทยา

อุลริค โวล์ฟกัง มาเฟียจอมฉาว

 

 

 

เมื่อนายโลธาร์ ถูกเนรเทศออกไป ชื่อของ นายอุลริค โวล์ฟกัง ชาวเยอรมันอีกคน ก็โผล่ขึ้นมาแทน เพื่อดูแลกิจการที่นายโลธาร์ได้ลงทุนเอาไว้ สำหรับ นายอุลริค มีภรรยาชาวไทยเป็นช่างเสริมสวย รสนิยมเดียวกันกับนายโลธาร์ คือมีเรือยอร์ช ถึง 2 ลำ ชื่อ แบล็คมันนี่ และ ลาสต์มันนี่ ราคานับ 100 ล้านบาท มีกิจการประกอบด้วย

 

 

  1. Bavaria House 1 ตั้งอยู่ 234 /5 หมู่ 10 ต.บางละมุง จ.ชลบุรี
  2. Bavaria House 2 ตั้งอยู่ 216 /62 หมู่ 10 ตำบลหนองปรือ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี ทั้ง2 แห่งมีนายนเรศ คีซิม ชาวอินเดียเป็นผู้จัดการ มีนายสง่า .... เป็นผู้ขอใบอนุญาตประกอบการ
  3. กำลังก่อสร้างโครงการคอนโดมีเนียมสำหรับผู้เกษียณอายุราชการแล้ว มาอยู่อาศัยอยู่ (ชาวเยอรมัน) ที่บริเวณด้านหลัง หมู่บ้านจอมเทียนนิเวศน์ จำนวน 5 ชั้น 100 ห้อง ราคา ประมาณ 100 ล้านบาท
  4. ร้านเสริมสวย รสริน ตั้งอยู่บริเวณ Bavaria House 2 ซึ่งมีนางรสริน ภรรยาเป็นผู้ดำเนินกิจการ
  5. ทำกิจการร่วมกับนายสง่า ทำร้าน S.K.เฟอร์นิเจอร์ และหมู่บ้าน คันทรีคลับ วิลล่า อยู่บ้านเลขที่ 15 หมู่ 10 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ทำโครงการเซ็นทรัลอาเขต (บริเวณที่ตั้ง Bavaria House 2 ) โดยเช่าที่ดินแล้วก่อสร้างอาคารให้เช่า
  6. Tong Polynesinn Bavaria Pub ตั้ง อยู่216 /38-40 เช็นทรัลอาเขต ถนนพัทยาสาย 2 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี
  7. เป็นประธานมูลนิธิคนรักสัตว์ ในประเทศเยอรมันนี ซึ่งมีสาขาในหลายประเทศ
  8. โรงงานผลิตพลาสติกสำรับรองรับสินค้า(ทาเลน) ในสหรัฐอเมริกา
  9. มีโรงงานผลิตสารเคมีใช้สำหรับกำจัดคราบน้ำมัน โดยร่วมทุนกับรัฐ บาลมาเลเชีย ในประเทศมาเลเซีย
  10. มีบริษัทซ่อมคอมพิวเตอร์ อยู่ในประเทศเยอรมนี

 

 

ช่วงปี 2539 - 2542 มาเฟียพัทยา กลายเป็นจุดสนใจ เมื่อมีคำสั่งปราบปรามโดยรัฐบาล พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ มีการตั้งสำนักงานปราบปรามวายร้ายข้ามชาติ เพื่อรวบรวมประวัติของชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ในที่สุด นายอุลริคก็ถูกจับกุมเมื่อ 14 ก.ย. 2541 หลังจากถูกขึ้นบัญชีดำของกระทรวงมหาดไทยที่ 689/2540

 

 

 

เรื่องของอุลริค โวล์ฟกัง จบลงด้วยการถูกเนรเทศ พร้อมกับดึงเอาผู้คนในวงการสื่อ ทนายความ นักการเมืองหลายระดับเข้าไปพัวพันด้วย โดยเมื่อวันที่ 2 พ.ย. 2549 นายอุลริค หลบเข้าไทยอีกครั้ง แต่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองพัทยาไปพบ ขณะพักอยู่ที่บ้านพักเดิมในพัทยา จึงเข้าจับกุมและส่งตัวกลับประเทศอีกครั้ง

 

     โอลาฟ

  

โอลาฟ ธอร์สเตน บริงมันน์ ลุค โอลาฟ

 

 

 

ปี 2566 การพบร่างของ นายฮันส์ ปีเตอร์ นักธุรกิจเยอรมัน ที่ถูกฆ่าหั่นศพยัดตู้แช่ หลังหายตัวปริศนานนาน 6 วัน ปรากฎชื่อของ “โอลาฟ” 1 ใน 3 ตัวการสำคัญ ที่ถูกออกหมายจับ เมื่อการไล่เรียงกล้องวงจรปิด พบพฤติกรรมโหด เป็นผู้ลงมือฆ่าอย่างโหดเหี้ยม ก่อนนำศพซ่อนไว้ในบ้านเช่า  

 

 

 

โอลาฟ ธอร์สเตน บริงมันน์ ชาวเยอรมัน เป็นสมาชิกแก๊ง “Outlaws” แปลเป็นไทยคือ “พวกนอกกฎหมาย” อาศัยอยู่ประเทศไทยมาหลายปี โดยเฉพาะยึดหัวหาดพัทยา จ.ชลบุรี เคยทำงานสื่อมวลชน ทำหนังสือพิมพ์ และเคยได้รับรางวัลบุคคลต้นเเบบ จากสโมรสรโรตารี จนเป็นที่รู้จักของสื่อมวลชนท้องถิ่น และ ตำรวจในพื้นที่พัทยา

 

 

 

“โอลาฟ” แผ่ขยายอิทธิพล เติบโตอย่างรวดเร็ว เป็นที่รู้จักดีในกลุ่มชาวเยอรมัน ที่ทำ ธุรกิจสีเทา หากชาวเยอรมัน ต้องการมาอยู่ในเมืองไทย และมาทำธุรกิจที่พัทยา จะต้องมาเเนะนำตัวกับนายโอลาฟ พร้อมทั้งต้องจ่ายค่าคุ้มครอง ที่สำคัญ หากชาวเยอรมัน มีหมายจับติดตัว และต้องการกบดานอยู่พัทยา หากจ่ายและอยู่ภายใต้การแนะนำของนายโอลาฟ แน่นอนว่าจะไม่มีใครกล้ามากวน แต่หากไม่ยอมทำตาม ชะตาชีวิตอาจไม่แตกต่างอะไร กับ นายฮันส์ ปีเตอร์ แรลเตอร์ มัค

 

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.

 

บิ๊กโจ๊กลุยปราบมาเฟียพัทยา

 

 

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ลงพื้นที่ติดตามคดีทันที หลังตำรวจตามรวบตัว “โอลาฟ” ได้ที่ กทม. ก่อนหิ้วตัวกลับดำเนินคดีในพื้นที่เกิดเหตุ พร้อมเร่งรัดให้ตำรวจภูธรภาค 2 เอกซเรย์สแกนกลุ่มอาชญากรข้ามชาติ ที่มาตั้งฐานปักหลักอยู่ในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ เช่น พื้นที่เมืองพัทยาและหนองปรือ รวมถึงภูเก็ตและเกาะสมุย 

 

 

 

บิ๊กโจ๊ก ระบุว่า พฤติกรรมกลุ่มอาญากรเหล่านี้ จะเข้ามาเที่ยวที่เมืองพัทยา และพักอาศัยอยู่ในพื้นที่หนองปรือ ซึ่งเป็นพื้นที่เชื่อมโยงกัน โดยวิธีการจะไปเข้าหากินกับคนประเทศเดียวกัน แล้วทำตัวเป็นมาเฟียและผู้มีอิทธิพล เรียกเก็บค่าคุ้มครอง ถ้าใครจะมาทำธุรกิจอะไรก็ต้องผ่านบุคคลเหล่านี้ และเน้นย้ำว่า หลังจากนี้ต้องไม่มีกลุ่มแก๊งเหล่านี้แล้ว จากนี้เป็นต้นไป หากชาวต่างชาติรายใดกระทำความผิด ก่อคดีซ้ำซาก ก็จะเพิกถอนวีซ่า และผลักดันออกนอกประเทศ พร้อมขึ้นบัญชีแบล็คลิสต์ถาวร ห้ามเข้าประเทศไทยเป็นอันขาด เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแต่ละครั้งสร้างความเสียหายให้กับเศรษฐกิจแหล่งท่องเที่ยวสำคัญเป็นอย่างมาก

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ