'สอดอสไตล์' ส่ออ่วม ตำรวจ ปอศ. ค้น 4 บริษัทพบ เข้าข่ายความผิดปกติทางบัญชี

พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช    ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง  (ผบช.ก.) สั่งการให้ พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ   ผู้บังคับการ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (ผบก.ปอศ.)    นำกำลัง เข้าตรวจค้น 4 บริษัท  ประกอบด้วย บริษัท สอดอ สไตล์ จำกัด ,บริษัท ไดนี่ กรุ๊ป จำกัด ,บริษัท คาราเมล บิสคิท จำกัด และบริษัท แฮปปี้ทรีเฟรนด์ จำกัด   มีที่ตั้งบริเวณถนนพหลโยธิน แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพ ฯ   โดยสถานประกอบการทั้ง 4 แห่ง มีความเกี่ยวพันกับ   ยูทูบเบอร์หญิง ชื่อดัง  "สอดอสไตล์"  หรือ  "สอดอ Style" ซึ่งเจ้าตัวเพิ่งจะบอกเล่าถึงพฤติกรรมตัวเอง  ติดพนัน 3 เดือน สูญเงินไปกว่า 25  ล้านบาท 

 

 

 

ทั้งนี้    ตำรวจกองกำกับ 3 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (ตร.บก. ปอศ.)   ได้รับเรื่องร้องเรียน ให้ตรวจสอบบุคคล และบริษัท เนื่องจากมีทรัพย์สิน และพฤติกรรมใช้ชีวิตประจำวันอย่างฟุ่มเฟือย ผู้ร้องจึงขอให้มีการตรวจสอบแหล่งที่มาของทรัพย์สินดังกล่าว   ต่อมาตำรวจได้ทำการสืบสวนจนทราบว่า บุคคลดังกล่าว คือ ยูทูบเบอร์หญิง ชื่อดัง  "สอดอสไตล์"  หรือ  "สอดอ Style"   มีผู้ติดตามหลายล้านคนในสื่อสังคมออนไลน์ 

 

 

โดยบุคคลดังกล่าวเป็นเจ้าของกิจการหลายบริษัท แต่กลับพบว่า ไม่ได้ยื่นงบการเงินต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด จึงมีการตรวจสอบเพิ่มเติมพบด้วยว่า บริษัทที่เจ้าตัวเป็นเจ้าของกิจการ มีการยื่นงบการเงินต่อ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ในอดีต มีค่าใช้จ่ายที่สูงเกินกว่าความเป็นจริง   จึงน่าเชื่อว่ามีความผิดปกติทางบัญชี และอาจเกี่ยวเนื่องไปจนถึงการเสียภาษีประจำปี

 

 

 

หลังเข้าตรวจค้นพบว่า บริษัทของ ยูทูบเบอร์หญิง  และแฟนหนุ่มที่เป็นกรรมการและผู้ถือหุ้นนั้น  พบว่ามีความผิดอื่นๆ ตาม พ.ร.บ.กำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ. 2499 และ พ.ร.บ.การบัญชี พ.ศ.2543 ในข้อหา ดังนี้

1. ไม่ได้จัดเก็บเอกสารทางบัญชีไว้ที่สถานประกอบการ ซึ่งไม่ปฏิบัติตามมาตรา 13 โทษตาม มาตรา 31 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 5,000 บาท

2. ไม่ได้จัดทำใบหุ้นมอบให้กับผู้ถือหุ้น อันเป็นความผิดตามาตรา 8 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท

3. ไม่ได้จัดทำสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้น อันเป็นความผิดตามมาตรา 10 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท

4. มีการย้ายเปลี่ยนแปลงสำนักงานและเพิ่มสาขาที่ใช้ในการประกอบกิจการ ซึ่งไม่ส่งคำบอกการเปลี่ยนย้ายสำนักงานแก่นายทะเบียนเพื่อจดทะเบียน อันเป็นความผิดตามมาตรา 14 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท

โดยบุคคลทั้ง 2 มีโทษปรับทั้งส่วนนิติบุคคล และกรรมการที่มีอำนาจลงนามในฐานะบุคคล รวมโทษปรับสูงสุด  275,000 บาท  ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังตรวจสอบเอกสารทางบัญชีของบริษัท ที่อาจเข้าข่ายความผิดในเรื่อง การรายงานเท็จ แก้ไข ละเว้นการลงรายการในบัญชีหรือ งบการเงิน หรือแก้ไขเอกสารที่ต้องใช้ประกอบ การลงบัญชีเพื่อให้ผิดความเป็นจริง อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.การบัญชี พ.ศ.2543   ขณะเดียวกันเมื่อทำการสอบปากคำ ผู้ต้องหา เบื้องต้น รับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาข้างต้น และอยู่ในระหว่างการตรวจสอบเรื่องเอกสารทางบัญชีของบริษัทเพิ่มเติม

 

 

 

ทั้งนี้ตำรวจขอเตือน   นิติบุคคลมีหน้าที่ปฏิบัติตามระเบียบของกรมพัฒนาธุรกิจการค้าให้ครบถ้วน เช่น การจัดเก็บเอกสาร ณ ที่ตั้ง, การจัดทำใบหุ้น, สมุดทะเบียนผู้ถือหุ้น, นำส่งงบการเงินและรายงานประจำปี ต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า หากปฏิบัติไม่ตรงตามระยะเวลาหรือระเบียบที่กำหนด จะมีโทษปรับ ตามที่กฎหมายกำหนด และการทำบัญชีประจำปีควรทำให้ถูกต้อง 

 

 

 

หากเจ้าหน้าที่มีการตรวจสอบและพบการกระทำความผิดในเรื่องการรายการเท็จ แก้ไข ละเว้นการลงรายการในบัญชีหรืองบการเงิน ซึ่งเป็นการทุจริต ถือเป็นความผิดทางอาญา มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งผู้จัดทำบัญชี ผู้ทำบัญชี และผู้สอบบัญชี
 

 

ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (ปอศ.)   เข้าตรวจค้น 4 บริษัท  มีที่ตั้งบริเวณถนนพหลโยธิน แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพ ฯ   โดยสถานประกอบการทั้ง 4 แห่ง มีความเกี่ยวพันกับ   ยูทูบเบอร์หญิง ชื่อดัง  "สอดอสไตล์"  หรือ  "สอดอ Style"  เบื้องต้นพบว่ามีความผิดอื่นๆ ตาม พ.ร.บ.กำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ. 2499 และ พ.ร.บ.การบัญชี พ.ศ.2543

 

.

ข่าว -ภาพ โดย ทีมข่าวอาชญากรรม NATIONTV