ข่าว

 จาก'เอเอสทีวี'ถึง'พีทีวี'..กับบทเรียนที่ไร้ค่า

จาก'เอเอสทีวี'ถึง'พีทีวี'..กับบทเรียนที่ไร้ค่า

08 เม.ย. 2553

ในที่สุดรัฐบาลโดย "สุเทพ เทือกสุบรรณ" รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ก็สั่งการให้กระทรวงไอซีทีในฐานะคู่สัญญากับบริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) ให้ยุติการออกอากาศของสถานีโทรทัศน์พีเพิล แชนแนล (พีทีวี) ?!!

  แม้จะเป็นที่รู้กันว่าเป็นหนึ่งในการแก้เกมคนเสื้อแดง โดยยกเหตุผลว่าพีทีวีไม่ดำเนินการตามสัญญาข้อ 43 ว่าหากมีการกระทำใดที่กระทบต่อความมั่นคงของประเทศ รัฐมีสิทธิ์ที่จะให้คู่สัญญาบอกเลิกสัญญาได้

 อย่างไรก็ดีวิธีนี้อาจจะจัดการได้ไม่เบ็ดเสร็จเด็ดขาด เนื่องจากบนอวกาศยามนี้มีดาวเทียมเอกชนอยู่หลายดวง ที่พร้อมจะให้เช่าช่องสัญญาณ เหมือนกับที่ครั้งหนึ่งเคยเกิดขึ้นกับสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวีของคนเสื้อเหลืองมาแล้ว

 "บนอวกาศไม่ได้มีแค่ดาวเทียมไทยคมดวงนี้ดวงเดียว แต่ยังมีดาวเทียมของนานาประเทศอีกเยอะแยะไปหมด ทั้งมาเลเซีย จีน อินเดีย หรือแม้แต่ลาว ที่พร้อมจะให้เช่าช่องสัญญาณออกอากาศ" มงคล ผู้บริหารฝ่ายการตลาดด้านโทรคมนาคมระหว่างประเทศบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งให้ความเห็น

 มงคลอธิบายว่า ระบบดาวเทียมที่สถานีพีเพิล แชนแนลใช้อยู่เป็นแบบ "ซียูแบน" หรือที่เรียกกันว่า "จานเล็ก" เป็นแบบเดียวกับที่ยูบีซีและเอเอสทีวีใช้อยู่ ถ้าโดนตัดสัญญาณจอจะมืด แต่ไม่ใช่ปัญหาใหญ่หากสามารถพูดคุยกับผู้ให้บริการดาวเทียมเจ้าใหม่ที่มีช่องความถี่ตรงกันได้ แค่ปรับตั้งค่านิดหน่อยก็สามารถกลับมาออกอากาศต่อได้ทันที

 ทั้งนี้ ผู้บริหารฝ่ายการตลาดฯ คนนี้ยังมองด้วยว่า การที่รัฐบาลทำเช่นนี้ไม่สามารถบีบบังคับคนเสื้อแดงได้ เพราะนอกจากจะไม่สามารถตัดสัญญาณการออกอากาศได้เบ็ดเสร็จแล้ว ยังมีอีกหลายช่องทางในการเข้าถึงการปราศรัยของแกนนำจากเวทีใหญ่ โดยเฉพาะวิทยุชุมชนที่มีอยู่จำนวนไม่น้อยในปัจจุบัน ตรงกันข้ามอาจจะถูกยกขึ้นมาเป็นเหตุผลในการปิดล้อมสถานที่สำคัญๆ มากขึ้น

 สอดคล้องกับ "มานพ จันทรอัครภัทร" ผู้คร่ำหวอดในวงการเคเบิลทีวีมานานกว่า 20 ปี ที่มองว่ารัฐบาลไม่สามารถหยุดการแพร่ภาพโทรทัศน์ของคนเสื้อแดงได้ หากถูกตัดสัญญาณก็แค่ยกหูโทรศัพท์เจรจากับผู้ให้บริการดาวเทียมเจ้าอื่น แค่มีเงินมัดจำล่วงหน้าก็สามารถออกอากาศได้ตามปกติแล้ว รัฐบาลเองก็คงไม่สามารถติดตามไปปิดได้ทุกที่ เพราะเป็นบริษัทเอกชนและที่สำคัญส่วนใหญ่เป็นบริษัทต่างชาติ

 "แม้จะทำได้ก็อาจจะล่าช้ากว่าสถานการณ์ปัจจุบัน ดูอย่างตะวันออกกลางมีช่องเคเบิลของผู้ก่อการร้ายออกอากาศอยู่ตลอด ผมเชื่อว่ารัฐบาลไม่สามารถยุติการออกอากาศได้หรอก" มานพเชื่อมั่นเช่นนั้น

 ด้าน "ยุทธนา เกียรติดำเนินงาม" เจ้าของเคเบิลท้องถิ่น "ดีทีวี" ที่เปิดให้บริการมานานกว่า 10 ปี ยกตัวอย่างเมื่อครั้งกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย หรือคนเสื้อเหลือง นำโดย "สนธิ ลิ้มทองกุล" จากเครือผู้จัดการ ถูกรัฐบาล "สมชาย วงศ์สวัสดิ์" สั่งให้สถานีดาวเทียมไทยคมยุติการยิงสัญญาณ แต่เพียงไม่นานก็สามารถกลับมาออกอากาศได้ตามปกติอีกครั้ง เพราะหันไปเช่าดาวเทียม NSS6 ของเนเธอร์แลนด์ที่ลอยอยู่เหนือเขตปกครองพิเศษฮ่องกงเป็นตัวออกอากาศแทน

 "ตอนนั้นรัฐบาลเองก็ทำอะไรไม่ได้ มาตอนนี้สถานการณ์ก็ไม่แตกต่างกัน" ยุทธนาให้ความเห็น

 ทั้งนี้ ยุทธนาเชื่อว่าถึงตอนนี้แกนนำคนเสื้อแดงและผู้บริหารสถานีโทรทัศน์พีเพิล แชนแนลคงกำลังหาทางออกอยู่ ซึ่งไม่ใช่เรื่องยุ่งยากหรือสลับซับซ้อนอะไรเลย ที่จะหาดาวเทียมดวงใหม่สำหรับออกอากาศ แต่ถ้าหากรัฐบาลต้องการตัดกำลังคนเสื้อแดงจริงๆ จะต้องทำ 2 วิธีควบคู่กันไป คือ 1.ปิดสถานีที่ใช้ออกอากาศ 2.ประสานไปยังทุกจังหวัดและสมาคมเคเบิลทีวี เพื่อให้จังหวัดและสมาคมฯ ขอความร่วมมือไปยังเคเบิลท้องถิ่น งดออกอากาศช่องดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นการดึงสัญญาณจากดาวเทียมหรือนำเทปมาออกอากาศ

 ยุทธนาอธิบายว่า โดยธรรมชาติของเคเบิลท้องถิ่นแล้ว มักจะดึงสัญญาณช่องสถานีโทรทัศน์ที่ให้บริการฟรี ไม่มีค่าธรรมเนียม จากการสำรวจอย่างไม่เป็นทางการเรื่องความนิยมของชาวบ้านที่มีต่อสถานีโทรทัศน์พีเพิลทีวีในภาคอีสานพบว่า ช่องพีเพิล แชนแนลได้รับความนิยมมาก หรืออาจจะมากกว่าช่องฟรีทีวีในช่วงนี้เสียอีก

 "สาเหตุก็เพราะเป็นความชอบส่วนตัว และเอาไว้ติดตามความเคลื่อนไหวของญาติพี่น้องที่มาร่วมชุมนุมว่าเป็นอย่างไรบ้าง ตอนนี้ผมเชื่อว่าหน้าจอพีเพิล แชนแนลอาจจะมีตัววิ่งแจ้งผู้ชมแล้วว่า จะต้องปรับความถี่คลื่นหมุนจานไปทางไหน ถ้าหากถูกตัดสัญญาณ" ยุทธนาให้ความเห็น