'ผู้การชลบุรี' ขอให้การเป็นลายลักษณ์อักษร ตามยึดทรัพย์ 'บอย' 1,000 ล้าน

'บิ๊กโจ๊ก' พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) เปิดเผยหลังจากการสอบปากคำ พล.ต.ต.กัมพล ลีลาประภาภรณ์ อดีตผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี 'ผู้การชลบุรี' ผู้ต้องหาในคดีรีดทรัพย์ผู้ต้องหา 140 ล้านบาท

โดย 'ผู้การชลบุรี' ยังไม่ได้ให้การใดๆ กับพนักงานสอบสวน และจะขอส่งคำให้การเป็นลายลักษณ์อักษรในทุกประเด็นภายใน 5 วัน

โดยขณะนี้พบมีตำรวจเกี่ยวข้องในคดีนี้แล้ว 10 นาย มารายงานตัวแล้ว 9 นาย เหลืออีก 1 นายคือ พ.ต.ต.พรเทพ เพ็ชรนวล สารวัตรสอบสวน สภ.วังจันทร์ จ.ระยอง โดยทั้งหมดที่มารายงานตัว พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหา 3 ข้อหา คือ มาตรา 157 ละเว้นในการปฏิบัติหน้าที่หรือปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบ มาตรา 149 เรียกรับหรือยอมรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยไม่ชอบ และมาตรา 309 ข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใดไม่กระทำการใดหรือจำยอมต่อสิ่งใดโดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิตร่างกายเสรีภาพชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืน

ในจำนวนนี้มีตำรวจกองบัญชาการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ สอท. อยู่ 2 นาย ถูกแจ้ง 2 ข้อหา คือมาตรา 157 และ มาตรา 309 แต่ให้การปฏิเสธ โดยอ้างว่าผู้ต้องหากล่าวหาใส่ร้าย และได้ไปแจ้งความกลับไว้แล้ว

รอง ผบ.ตร. ระบุว่า พ.ต.ต.พรเทพ สนิทกับ 'บอย' ซึ่งเป็นคนเจรจาเรื่องเงินสินบนที่จะมอบให้กับชุดจับกุม และขณะนี้หลบหนีอยู่ต่างประเทศ ขณะเดียวกันวันพรุ่งนี้จะประสานกับสำงานป.ป.ง. เพื่อตรวจสอบเส้นทางการเงินของนายบอย และตามยึดทรัพย์สินที่พบว่ามีอยู่ไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท ทั้งบ้านพัก ที่ดิน เรือ รถยนต์ เพราะเบื้องต้นพบแล้วกว่า 200-300 ล้านบาท

ในเรื่องนี้พบว่าเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้องตั้งแต่แรก เนื่องจากหลังจากจับผู้ต้องหาไม่มีการส่งตัวไปยังสถานีตำรวจในท้องที่ แต่กลับนำตัวผู้ต้องหาไปสอบสวนที่ห้องทำงานของผู้บังคับการ ส่วนการออกหมายจับผู้ต้องหา ก็พบว่ามีการไปขอศาลถอนหมายจับ หลังจากที่ได้รับเงินเรียบร้อยแล้ว โดยอ้างต่อศาลว่าสายลับให้ข้อมูลผู้ต้องหาผิดคน และหลังจากนี้เตรียมขยายผลจับผู้อื่นที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม