ข่าว

ศาลสั่งไต่สวน 'พ.ญ.' ผู้ออกใบรับรองแพทย์ 'ธาริต' ป่วยจริงหรือไม่ 3 ก.ค. 66

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ศาลฎีกา สั่งให้ศาลชั้นต้นไต่สวน "พ.ญ." ผู้ออกใบรับรอง อาการ "ธาริต เพ็งดิษฐ์" ป่วยจริงหรือไม่ หลังยื่นใบรับรองโดยแพทย์คนเดิม ขอเลื่อนฟังคำพิพากษาศาลฎีกาครั้งที่ 9 นัดไต่สวนแพทย์ 3 ก.ค.และเลื่อนฟังฎีกาไป 10 ก.ค.นี้

16 มิ.ย. 2566  ศาลอาญา อ่านคำสั่งศาลฎีกา หลังทนายความ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ จำเลยที่ 1 ยื่นใบรับรองแพทย์ ระบุป่วยมีอาการบ้านหมุน ขอเลื่อนฟังคำพิพากษาศาลฎีกาครั้งที่ 9 ในคดีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ผอ.ศอฉ.) ร่วมกันเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง คดีในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต และเป็นเจ้าพนักงานสอบสวนกระทำการโดยมีเจตนากลั่นแกล้งให้ผู้อื่นได้รับโทษอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และ 200 วรรคสอง กรณีนายธาริตกับพวกแจ้งข้อหาดำเนินคดีนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพ ฐานสั่งฆ่าประชาชน ในการสลายม็อบ นปช.เมื่อปี 2553 

 

 

 

ทนายความยื่นใยรับรองแพทย์นายธาริต ขอเลื่อนฟังคำพิพากษา เป็นครั้งที่ 9

 

 

ศาลฎีกาพิจารณาคำร้องแล้วเห็นว่า นายธาริต จำเลยที่ 1 ใช้อาการเจ็บป่วยเป็นคำร้องขอเลื่อนการฟังคำสั่งคำพิพากษามาแล้วหลายครั้ง และทุกครั้งจะมีใบรับรองแพทย์จากแพทย์หญิงคนเดิมตลอด แต่พบว่าการลงลายมือชื่อในใบรับรองแพทย์แต่ละครั้งไม่เหมือนกัน

 

เพื่อไม่ให้เกิดความล่าช้า ศาลฎีกาจึงให้ศาลชั้นต้นกำหนดนัดภายใน 30 วัน ให้ไต่สวนใบรับรองแพทย์และแพทย์หญิงคนดังกล่าว และอาการป่วยของนายธาริต ว่ามีอาการเจ็บป่วยจริง ไม่สามารถเดินทางมาศาลได้ตามกำหนดนัดเป็นข้อเท็จจริงถูกต้องหรือไม่ และเลื่อนฟังคำสั่งและคำพิพากษาออกไป

 

สำหรับคดีนี้ นายธาริต ถูกฟ้องเป็นจำเลยร่วมกับ พ.ต.ท. วรรณพงษ์ คชรักษ์ อดีตหัวหน้าชุดสอบสวนคดีการเสียชีวิตของประชาชน และเจ้าหน้าที่รัฐ จากเหตุรุนแรงทางการเมืองปี 2553, พ.ต.ต. ยุทธนา แพรดำ และ ร.ต.อ. ปิยะ รักสกุล ในฐานะพนักงานสอบสวน เป็นจำเลยที่ 1-4  จำเลยทั้งสี่ ให้การปฏิเสธต่อสู้คดี

 

คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ต่อมาโจทก์ยื่นอุทธรณ์ ขอให้ลงโทษพวกจำเลย โดยศาลอุทธรณ์พิเคราะห์แล้วเห็นว่า พวกจำเลยกระทำผิดตามฟ้องจริง พิพากษากลับให้จำคุกจำเลยคนละ 3 ปี ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลยไว้คนละ 2 ปี ไม่รอลงอาญา จำเลยทั้งสี่ ยื่นฎีกา ขอให้ยกฟ้อง 

 

 

 ศาลเบิกตัว พ.ญ.ที่ออกใบรับรองแพทย์ให้นายธาริต มาไต่สวน วันที่ 3 ก.ค. 2566

 

 

ต่อมาวันที่ 2 ก.พ. 2566 ศาลนัดอ่านคำพิพากษาฎีกาคดีนี้เป็นครั้งที่ 7 แต่นายธาริตมอบหมายให้ทนายความยื่นคำร้องพร้อมใบรับรองแพทย์ ขอเลื่อนฟังคำพิพากษาศาลฎีกาออกไปก่อน เนื่องจากต้องเข้ารับการผ่าตัดนิ่วในไต ที่โรงพยาบาลโดยแพทย์ให้รักษาและรอดูอาการเป็นเวลา 3 เดือน 

 

ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า นายธาริต จำเลยที่ 1 ขอเลื่อนฟังคำพิพากษาฎีกาโดยอ้างว่าป่วยมาแล้วหลายครั้งนานกว่า 1 ปี มีเจตนาประวิงคดีให้ล่าช้าและมีพฤติการณ์หลบหนี จึงให้ออกหมายจับนายธาริตเพื่อมาฟังคำพิพากษาฎีกาและนัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาครั้งที่ 8 เมื่อวันที่ 24 มี.ค.ที่ผ่านมา

 

 

ศาลสั่งไต่สวนแพทย์ผู้ออกใบรับรองแพทย์ให้นายธาริต เพ็งดิษฐ์

 

 

โดยในวันดังกล่าวนายธาริต พร้อมทนายความเดินทางมาศาล และทนายความได้ ยื่นคำร้องขอให้ส่งสำนวนคืนศาลฎีกา เพื่อพิจารณาสั่งให้ส่งคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และพ.ร.ป. ว่าด้วยการป้องกันและปรับปรามการทุจริต มาตรา 4 ซึ่งเป็นบทกฎหมายที่ใช้บังคับแก่คดีขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 มาตรา 3 วรรคสอง มาตรา 5 วรรคแรก มาตรา 26, 27, 29 วรรคแรก ส่งผลให้กฎหมายดังกล่าวเป็นอันใช้บังคับกับคดีไม่ได้ ตามคำร้องฉบับลงวันที่ 23 มีนาคม 2566  และนายธาริตจํา เลยที่ 1 ขอถอนคำให้การฉบับเดิม และขอให้การใหม่เป็นรับสารภาพตลอด ข้อกล่าวหาเพื่อขอให้ศาลฎีกาลงโทษสถานเบา หรือรอการลงโทษด้วย 

 

และในวันนี้จำเลยทั้ง 3 คนเดินทางมาศาล ยกเว้นนายธาริต จำเลยที่ 1 ซึ่งทนายความนำใบรับรองแพทย์มายื่นศาลอ้างว่าป่วยขอเลื่อนฟังคำพิพากษาศาลฎีกา จนกระทั่งศาลฎีกามีคำสั่งดังกล่าว

 

โดย ศาลอาญา นัดไต่สวนใบรับรองเเพทย์ในวันที่ 3 ก.ค. 2566 เวลา 09.00 น.โดยจะมีการเบิกตัวแพทย์หญิงที่ออกใบรับรองแพทย์มาไต่สวน และเลื่อนฟังคำสั่งและคำพิพากษาศาลฎีกาออกไปเป็นวันที่ 10 ก.ค.เวลา 09.00 น.

 


 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ