ข่าว

รู้แล้วใครโทรเคลียร์รถน้ำมันเถื่อน 'สรรพสามิต' พักงาน ขยายผลเอาผิดยกแก๊ง

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"อธิบดีกรมสรรพสามิต" ลงดาบสั่งพักงาน "บิ๊กสรรพสามิต" โทรเคลียร์ตำรวจ ขอปล่อย "รถบรรทุกน้ำมันเถื่อน" พร้อมเร่งสอบขยายผลเอาผิดทั้งขบวนการ

16 มิ.ย. 2566  กรณีรถบรรทุกน้ำมันเถื่อน ขนาด 40,000 ลิตร ถูกตำรวจทางหลวง ร่วมกับ เจ้าหน้าที่สรรพสามิตประจวบคีรีขันธ์ จับกุมพร้อมคนขับ ได้บริเวณริมถนนเพชรเกษม ทางหลวง 4 กม. 308  ขาเข้า ต.เกาะหลัก อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งหลังถูกจับกุมมีเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกรมสรรพสามิตรายหนึ่ง โทรศัพท์ มาขอเจรจาไม่ให้ดำเนินคดีกับคนขับรถบรรทุกน้ำมัน  แต่เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมปฏิเสธกลับไป เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 มิ.ย. 2566 

 

 

น้ำมันของกลางจากรถบรรทุกน้ำมันเถื่อน

 

 

ล่าสุด นายเกรียงไกร พัฒนาภรณ์ รองอธิบดีกรมสรรพสามิต ในฐานะโฆษกกรมสรรพสามิต เปิดเผยถึงความคืบหน้าการขยายผลการตรวจสอบข้อเท็จจริง  พบว่า ผู้อำนวยการส่วนฯ สำนักตรวจสอบป้องกันและปราบปราม เป็นผู้โทรศัพท์ไปยังเจ้าหน้าที่สรรพสามิตพื้นที่ประจวบคีรีขันธ์จริงตามข้อกล่าวหา ซึ่งการกระทำดังกล่าวถือว่าเป็นการกระทำที่ผิดวินัยอย่างร้ายแรง และพิจารณาว่าหากเจ้าหน้าที่รายดังกล่าวยังปฏิบัติในหน้าที่ราชการต่อไปอาจเกิดความเสียหายแก่ราชการได้ กรมสรรพสามิตจึงมีคำสั่งให้พักราชการ ตั้งแต่วันที่ 13 มิ.ย. 2566 แล้ว 

 


นอกจากนี้ กรมสรรพสามิต ยังได้ร่วมมือกับ บก.ทล. เพื่อขอข้อมูล พยานหลักฐาน และเอกสารที่เกี่ยวข้องกับประเด็นดังกล่าวทั้งหมด และที่เกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่สรรพสามิตทุกระดับ โดยเฉพาะหลักฐานที่ระบุถึงเจ้าหน้าที่กรมสรรพสามิตที่มีการโทรศัพท์มาขอเจรจากับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อไม่ให้ดำเนินคดีกับคนขับรถน้ำมันเถื่อน  เนื่องจากจะเป็นหลักฐานสำคัญที่สามารถนำไปขยายผลเพื่อเอาผิดกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้งขบวนการตามระเบียบราชการให้ถึงที่สุด โดยไม่มีข้อยกเว้น

 


 

นายเกรียงไกร พัฒนาภรณ์ รองอธิบดีกรมสรรพสามิต

 

 

นอกจากนี้ ผลทางวิทยาศาสตร์ของตัวอย่างน้ำมันของกลาง ผลการทดสอบพบว่าน้ำมันดังกล่าวจัดเป็นน้ำมันดีเซลและน้ำมันอื่นๆ ที่คล้ายกันตามพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2560 ซึ่งจากการตรวจสอบไม่พบว่ามีหลักฐานการเสียภาษีสรรพสามิตถูกต้องตามกฎหมาย 

 

ตำรวจทางหลวงจึงได้ทำการแจ้งให้ผู้ต้องหาซึ่งเป็นเจ้าของรถบรรทุกน้ำมันดังกล่าวทราบรายงานผลการทดสอบ และได้พาผู้ต้องหาไปยังสำนักสรรพสามิตพื้นที่ประจวบคีรีขันธ์ โดยผู้ต้องหาให้การรับว่าน้ำมันจำนวนดังกล่าวข้างต้นเป็นน้ำมันที่ไม่ได้มีการเสียภาษีจริง และประสงค์จะขอเปรียบเทียบคดี และเจ้าพนักงานสรรพสามิตได้ทำการเปรียบเทียบปรับและรับชำระภาษีครบถ้วนแล้ว

 


อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ผู้ต้องหาจะมีการเสียค่าปรับครบถ้วนแล้ว กรมสรรพสามิต จะได้มีการขยายผลเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายเพิ่มเติม โดยได้จัดตั้งทีมเฉพาะกิจเพื่อลงพื้นที่สอบสวนเกี่ยวกับขบวนการค้าน้ำมันเถื่อน เพื่อเอาผิดต่อผู้กระทำผิดทั้งขบวนการต่อไป

 


ทั้งนี้ สถิติการจับกุมคดีน้ำมันเถื่อนของกรมสรรพสามิตในปีนี้มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากปีก่อนอย่างชัดเจน โดยล่าสุด ช่วง 8 เดือนของปีงบ 2566 ตั้งแต่เดือน ต.ค.2565-พ.ค.2566 สามารถจับกุมได้ 986 คดีคิดเป็นเงินค่าปรับ 37.7 ล้านบาท มีน้ำมันของกลางปริมาณ 4.13 ล้านลิตร แบ่งเป็นเบนซิน 0.13 ล้านลิตร ดีเซล 2.75 ล้านลิตร น้ำมันชนิดอื่นๆ 1.25 ล้านลิตร

 

โดยสถิติเพิ่มจากปี 2565 ที่มีสถิติการจับกลุ่มคดีน้ำมันเถื่อนทั้งปีอยู่ที่ 814 คดี คิดเป็นค่าปรับ 30.67 ล้านบาท ปริมาณของกลางรวม 1.63 ล้านลิตร แยกเป็นเบนซิน 0.97 ล้านลิตร ดีเซล 0.31 ล้านลิตร น้ำมันชนิดอื่นๆ 0.35 ล้านลิตร

 


สำหรับประชาชนท่านใดทราบเบาะแสการกระทำความผิดเกี่ยวกับสินค้าที่ต้องเสียภาษีสรรพสามิตสามารถแจ้งโดยตรงได้ที่กรมสรรพสามิต หรือสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่ทุกแห่งทั่วประเทศหรือ Call center 1713 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง หรือที่ www.excise.go.th   กรมสรรพสามิตจะปกปิดข้อมูลของผู้แจ้งเบาะแสเป็นความลับ

 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ