ข่าว

เปิดประวัติ 'ธาริต เพ็งดิษฐ์' กับเส้นทางชีวิต 'อธิบดี DSI'

09 ก.ค. 2566

ย้อนเส้นทางชีวิต 'ธาริต เพ็งดิษฐ์' อดีต 'อธิบดี DSI' ทำไมต้องเลื่อนฟังคำสั่งศาล คดี 'อภิสิทธิ์-สุเทพ' เป็นครั้งที่ 9

ในอดีต ชื่อของ “ธาริต เพ็งดิษฐ์” เป็นที่รู้จักดี ในฐานะอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ผู้โชกโชน แต่นับตั้งแต่ปี 2560 ธาริต ถูกลงโทษไล่ออกจากราชการ ในข้อหาร่ำรวยผิดปกติ  ก่อนจะถูกจำคุกในปี 2561 ในคดีปฏิบัติหน้าที่มิชอบ แจ้งข้อหา “อภิสิทธิ์-สุเทพ” สั่งฆ่าประชาชน เหตุสลายการชุมนุม นปช. เมื่อปี 2553

 

 

 

 

คมชัดลึก พาย้อนประวัติของ อดีตอธิบดีดีเอสไอ “ธาริต เพ็งดิษฐ์” ที่มีเส้นทางชีวิต ที่น่าสนใจ ซึ่งวันนี้ ศาลฎีกาได้นัดอ่านคำพิพากษา คดีกลั่นแกล้ง แจ้งข้อหา “อภิสิทธิ์-สุเทพ” เป็นครั้งที่ 9

 

ภาพคดีการสลายการชุมนุม นปช. ปี 2553

เปิดประวัติ “ธาริต เพ็งดิษฐ์”

 

 

ธาริต เพ็งดิษฐ์ เกิดเมื่อวันที่ 5 ส.ค. 2501 ปัจจุบันอายุ 65 ปี เป็นคน อ.มโนรมย์ จ.ชัยนาท แต่หลายคนอาจไม่รู้ว่า เขามีชื่ออีกชื่อหนึ่งว่า “เบญจ” ซึ่งหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี เป็นผู้ตั้งให้ เพื่อเป็นการแก้เคล็ด ที่เมื่อแรกเกิด เขามีร่างกายไม่แข็งแรงนัก ต้องอยู่ในตู้อบที่โรงพยาบาลนานถึง 3 เดือน และได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น “ธาริต” เมื่อตอนอายุ 35 ปี ตามหลักทักษาปกรณ์ ตามความเชื่อของโหราศาสตร์ไทย โดยให้คำว่า ธ เป็นเดชนำหน้าชื่อ

 

 

 

ธาริต เพ็งดิษฐ์ จบการศึกษาระดับมัธยมจากโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา จากนั้นเข้าศึกษาต่อในคณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ รุ่น KU 37 แต่ด้วยความไม่ชอบ และปรับตัวไม่ได้ กับระบบ “โซตัส” เขาจึงลาออกไปสมัครเรียนคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ในปี 2521 จนสำเร็จการศึกษานิติศาสตรบัณฑิต (เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง) และเนติบัณฑิตไทย รวมถึงนิติศาสตรมหาบัณฑิต สาขากฎหมายอาญาและกระบวนการยุติธรรมทางอาญา จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

 

ธาริต เพ็งดิษฐ์

เส้นทางการทำงาน ธาริต เพ็งดิษฐ์

 

 

ธาริต เพ็งดิษฐ์ เริ่มต้นการทำงาน ด้วยการเป็นผู้ช่วยอาจารย์สอนกฎหมาย จนกระทั่งได้พบกับ คณิต ณ นคร ในฐานะอาจารย์พิเศษ จึงแนะนำให้ไปสอบอัยการ และก็สอบได้ จนกระทั่ง “ทักษิณ ชินวัตร” ก่อตั้งพรรคไทยรักไทย ได้ระดมนักกฎหมายหลายคน เช่น คณิต ณ นคร, เรวัติ ฉ่ำเฉลิม ร่วมก่อตั้งพรรค ซึ่งในจำนวนนั้นมีธาริตอยู่ด้วย ทำให้หลังจากที่พรรคไทยรักไทยชนะการเลือกตั้ง ธาริตจึงได้รับแต่งตั้งให้ช่วยราชการสำนักนายกรัฐมนตรี โดยทำงานกับ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช รองนายกรัฐมนตรี ขณะเดียวกัน ธาริตยังเป็นเป็นคณะที่ปรึกษาของพันศักดิ์ วิญญรัตน์ อีกด้วย

 

 

 

ภายหลังจัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ เขาดำรงตำแหน่งเลขาธิการของหน่วยงานนี้เป็นคนแรก

 

ธาริต เพ็งดิษฐ์

 

จากนั้น เมื่อมีการจัดตั้งกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) หรือ ดีเอสไอ ในรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ธาริตได้โอนมาดำรงตำแหน่งรองอธิบดี และต่อมาก็ได้รับแต่งตั้งเป็นเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ จนกระทั่งได้รับแต่งตั้งเป็นอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ แทน ทวี สอดส่อง ในรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

 

 

 

ธาริต เป็นหนึ่งในคณะกรรมการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) เมื่อครั้งมีการชุมนุมของแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ ขับไล่รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในปี พ.ศ. 2553 แต่ไม่ได้เป็นคณะกรรมการด้านยุทธการ[10] นอกจากนี้ยังมีส่วนสำคัญในการดำเนินคดีทางการเมืองหลายคดี

 

 

จุดเริ่มต้นคดี

 

  • วันที่ 25 พ.ย. 2556 ธาริต รับคำร้อง ที่พรรคเพื่อไทยฟ้องร้องถอดถอนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และเป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนเพื่อเอาผิดต่อตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ
  • วันที่ 18 ธ.ค. 2556 ได้มีประกาศกรมสอบสวนคดีพิเศษ เรื่อง มติคณะกรรมการคดีพิเศษ ให้คดีความผิดทางอาญาอื่นเป็นคดีพิเศษ โดยมีมติ ว่ารับกรณี สุเทพ เทือกสุบรรณ กับพวก ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดอาญา สืบเนื่องจากการชุมนุมทางการเมืองในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เป็นคดีพิเศษ
  • ในปี 2558 นายธาริตถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ สั่งอายัดทรัพย์ จำนวน 90,260,687 บาท มีการแจ้งข้อกล่าวหา ในเดือน พ.ย. 2558 นอกจากนั้น ยังมีคดีความอีก 26 คดี ส่วนใหญ่เป็นคดีอาญาฐาน หมิ่นประมาท และละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ก่อนถูกลงโทษไล่ออกจากราชการ ในวันที่ 3 เม.ย. 2560 ในข้อหาร่ำรวยผิดปกติ
  • วันที่ 2 มี.ค. 2560 ศาลอุทธรณ์ มีคำสั่งจำคุก 2 ปี นาย ธาริต แต่ลดโทษเป็นรอลงอาญา 2 ปี กรณีย้าย พ.อ.ปิยะวัฒน์ กิ่งเกตุ โดยมิชอบ
  • วันที่ 9 มิ.ย. 2560 ศาลฎีกา มีคำสั่งให้รับฟ้อง กรณี นาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และนาย สุเทพ เทือกสุบรรณ ฟ้อง นายธาริต ว่าฟ้องร้องโดยไม่สุจริต เจตนากลั่นแกล้ง
  • วันที่ 28 มิ.ย. 2560 ศาลมีคำสั่งรับฟ้อง คดีที่นายวัชระ เพชรทอง อดีต สส.พรรคประชาธิปัตย์ เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคเพื่อไทย และอดีต สว. กับนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐานแจ้งความเท็จ ให้พนักงานจดแจ้งข้อความอันเป็นเท็จ และหมิ่นประมาท
  • วันที่ 14 ธ.ค. 2561 ธาริต เพ็งดิษฐ์ ถูกจำคุกที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ

 

ธาริต เพ็งดิษฐ์

 

อย่างไรก็ตาม ในคดีถูกฟ้องข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ กรณี “อภิสิทธิ์-สุเทพ” ศาลได้ออกหมายจับนายธาริต เหตุไม่มาฟังคำพิพากษาศาลฎีกา และศาลฎีกา ได้เลื่อนอ่านคำพิพากษามาแล้วถึง 8 ครั้ง ในแต่ละครั้ง นายธาริต จะส่งทนายความ พร้อมยื่นใบรับรองแพทย์ ขอเลื่อนฟังคำพิพากษาศาลฎีกาออกไป เนื่องจากป่วย ทั้งโควิด และผ่าตัดนิ่วในไต

 

 

 

ซึ่งศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า นายธาริต จำเลยที่ 1 ขอเลื่อนฟังคำพิพากษาฎีกาโดยอ้างว่าป่วยมาแล้วหลายครั้งนานกว่า 1 ปี มีเจตนาประวิงคดีให้ล่าช้า และมีพฤติการณ์หลบหนี จึงให้ออกหมายจับนายธาริตเพื่อมาฟังคำพิพากษาฎีกา และนัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาครั้งที่ 8 เมื่อวันที่ 24 มี.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งวันที่ 16 มิ.ย. 2566 ศาลได้นัดอ่านคำพิพากษา เป็นครั้งที่ 9 และได้นายธาริต เพ็งดิษฐ์ ก็ขอเลื่อนฟังคำสั่งศาล เพราะป่วยกระทันหัน อีกครั้ง

 

 

 

 

ที่มา : วิกิพีเดีย