ตะลึง ยึด 'เฮโรอีน' ซุก พลาสเตอร์แก้ปวด ยี่ห้อดัง มูลค่ากว่า 200 ล้าน

เฮโรอีน น้ำหนัก 32 กิโลกรัม รวมมูลค่ากว่า 200 ล้านบาท ซุกอยู่ในกล่อง “พลาสเตอร์แก้ปวด” ยี่ห้อดัง ขณะเตรียมส่งออกไปยังประเทศออสเตรเลีย โดย กรมศุลกากร นำมาแถลงข่าว

 

 

 

 

โดยเจ้าหน้าที่ศุลกากร นำโดยนายพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์ รองอธิบดี รักษาการที่ปรึกษาด้านการพัฒนาและบริหารการจัดเก็บภาษี และโฆษกกรมศุลกากร พร้อมด้วย พ.ต.อ.ณรัชต์พล เลิศรัชตะปภัสร์ ผู้อำนวยการสำนักงานศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ และ ตำรวจปราบปรามยาเสพติด ร่วมกันแถลงผลการตรวจยึดยาเสพติดของกลางเฮโรอีน น้ำหนักรวม 32 กิโลกรัมรวมมูลค่ากว่า 200 ล้านบาท

 

ซึ่งของกลางเฮโรอีนทั้งหมด ซุกซ่อนภายในกล่องสินค้า พลาสเตอร์แก้ปวดยี่ห้อดัง โดยตรวจยึดได้จากบริเวณท่าเรือกรุงเทพฯ ขณะเตรียมส่งออกปลายทางเมลเบริน์ ประเทศออสเตรเลีย ที่ศูนย์เอกซเรย์ และเทคโนโลยีศุลกากร สำนักงานศุลกากรท่าเรือกรุงเทพฯ คลองเตย

 

 

 

พ.ต.อ.ณรัชต์พล กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้ สืบเนื่องจาก มีคำสั่งจากศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดแห่งชาติที่ 11/2564 โดยแต่งตั้งอธิบดีกรมศุลกากรเป็นประธานอนุกรรมการ เพื่อดำเนินการสกัดกั้น การลักลอบเคลื่อนย้ายยาเสพติดข้ามชาติ โดยสำนักงานกรมศุลกากรท่าเรือ จึงเปิดยุทธวิธี สทก.ท้ารบ สยบไพรี

 

 

 

กระทั่งวานนี้  9 มิ.ย. 2566 ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทำการจับกุมยาเสพติดเฮโรอีน จำนวน 32 กิโลกรัม ซ่อนใน “พลาสเตอร์แก้ปวด” โดยเป็นผลการจับกุมครั้งที่ 5 รวมมูลค่ากว่า 200 ล้านบาท

 

ด้าน นายพันธ์ทอง กล่าวว่า ขอชื่นชมเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม เนื่องจากเฮโรอีนของกลาง ถูกบรรจุซุกในหีบห่อ พลาสเตอร์แก้ปวด จากทั้งหมด 50 ลัง โดยตรวจพบของกลางจำนวนเพียง 5 ลัง หากเจ้าหน้าที่ไม่ละเอียดรอบคอบจะตรวจเจอยาก โดยต้องใช้หลายส่วนประกอบกัน ทั้งเรื่องเอ็กซเรย์ ข้อมูลต่างๆ และไหวพริบ

 

 

หลังจากนี้ จะทำการขยายผลร่วมกับ ตำรวจกองบัญชาการ ปราบปรามยาเสพติด (ปส.) และ เจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. สำหรับชื่อผู้ส่งยาเสพติดล็อตนี้ ยังไม่สามารถนำมาเปิดเผยได้ ต้องให้เจ้าหน้าที่ทำการสอบสวน ขยายผลต่อว่า มีการใช้ชื่อในนามบุคคลธรรมดา หรือนิติบุคคล หรือสวมชื่อผู้อื่น เพื่อหาความเชื่อมโยงและนำตัวผู้กระทำมาดำเนินคดี

 

 

ทั้งนี้ รองอธิบดีกรมศุลกากร ยังไม่ฟันธงว่า มีนักการเมือง หรือผู้มีอิทธิพลอยู่เบื้องหลังการส่งเฮโรอีนหรือไม่ แต่จะรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อหาตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษ ส่วนชื่อบุคคลที่เป็นคนส่ง อยู่ระหว่างกานสอบปากคำ เพื่อขยายผลเพิ่มเติม