'วีวี่ The Ghost Radio' ให้ปากคำ ตร. สอท.โดนหลอก 'รีวิวสินค้า' สูญกว่า 5 แสนบาท

5 มิ.ย. 2566  น.ส.ศุภณัฐ ดำรัสสิริ หรือ วีวี่ อดีตทีมงานรายการวิทยุชื่อดัง The Ghost Radio เข้าให้ปากคำกับ พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 (ผบก.สอท.1)  กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.)

 

กรณีถูกมิจฉาชีพหลอกให้รีวิวสินค้าในแอปพลิเคชัน และจะได้ค่าคอมมิชชัน ให้ร่วมภารกิจเพิ่มยอดขาย ด้วยการฝากเงิน แล้วจะได้โบนัส 10% แต่ต้องจ่ายค่าสมัครสมาชิกก่อน และจะได้เงินคืนต้องปฎิบัติภารกิจให้สำเร็จก่อน จนสูญเงินไปจำนวน  5.6 แสนบาท ซึ่ง วีวี่ ได้แจ้งความไปก่อนหน้านี้แล้ว ทางพนักงานสอบสวนจึงนัดมาให้ปากคำในวันนี้

 

 

 

 

 

น.ส.ศุภณัฐ หรือ วีวี่ เผยว่าหลังจากโพสต์เตือนปรากฎว่ามีผู้เสียหายที่ถูกหลอกเหมือนกันอีกหลายคน เท่าที่รวบรวมได้ ขณะนี้มี 60 คน โดยมี 1 ในนั้นถึงกับฆ่าตัวตาย โดยกลุ่มมิจฉาชีพจะติดต่อเข้ามาให้รีวิวเสื้อผ้า โดยจะมีการส่งเสื้อผ้ามาให้และถ่ายรูปรีวิวสินค้า จากนั้นจะมีการโอนเงินให้ ตนจึงตอบตกลง และมีการแอดไลน์จากเจ้าหน้าที่อีกฝ่ายเพื่อถามชื่อและสัดส่วนในการส่งสินค้าให้ จากนั้นมีการดึงเข้ากลุ่มที่มีคนรีวิวสินค้าจำนวนมาก

 

จากนั้นจะให้โหลดแอปฯ เทเลแกรม เพื่อดึงเข้ากลุ่มที่มีจำนวนสมาชิกกว่า 300 คน ซึ่งมีการพูดถึงเรื่องการได้รับเสื้อผ้าและนำมารีวิวแล้ว จู่ๆ ในแชทก็มีคนกดเลขหนึ่งซ้ำหลายๆ ครั้ง จึงสงสัยและไปถามคนที่ดึงเข้ากลุ่ม ก็ได้คำตอบว่าเป็นการยืนยันรับภารกิจเพิ่มยอดขาย มีตัวเลือกให้ 3 ตัวเลือก วงเงินแตกต่างกัน แต่ต้องสำรองเงินก่อน ซึ่งขั้นต่ำอยู่ที่ 500 บาท และจะได้กลับคืนมาตามที่เลือกไว้  ซึ่งตนสังเกตเห็นคนในกลุ่มส่งสลิปโอนเงิน และมีคนได้เงินคืนจริง จึงโอนเงินตาม จากนั้นมีข้อความระบุมีภารกิจที่สองขึ้นมา ถ้าหากเราปฏิเสธการเข้าร่วมภารกิจเกิน 3 ครั้ง ก็จะถูกดึงออกจากกลุ่มทันที

 

 

 

 

ในภารกิจที่ 2 และ 3 ได้โอนเงินเพิ่มขึ้น และก็ยังได้รับค่าคอมมิชชันคืนมาตามที่มีการแจ้งไว้ ซึ่งในวันต่อมาได้มีภารกิจใหม่เข้ามาในวงเงินหลักหมื่น โดยจะได้รับค่าคอมมิชชันกลับมา 50 % จากยอดเงินที่โอนเข้าไป เมื่อเห็นคนอื่นโอน และส่งสลิปลงในกลุ่ม จึงโอนตามไป ยอมรับว่าไม่ได้ฉุกใจว่าคนในกลุ่มดังกล่าวเป็นหน้าม้าหรือไม่ เพราะมีบางรายได้ทักแชทมาคุยส่วนตัว ถึงกลุ่มดังกล่าวว่าเป็นกลุ่มที่เชื่อถือได้หรือไม่ จึงสร้างความสับสนในจุดนี้มาก

 

 

 

 

 

น.ส.ศุภณัฐ กล่าวอีกว่า เมื่อโอนเงินหลักหมื่นในครั้งนี้แล้ว แอดมินที่ดึงตนเข้ากลุ่มได้ทักแชทส่วนตัวระบุว่าจะดึงตนเข้ากลุ่มวีไอพี เพราะวงเงินสูงขึ้น จากนั้นตนถูกเชิญออกจากกลุ่มเดิม ที่มีสมาชิก 300 คน และถูกเชิญเข้ากลุ่มวีไอพี ที่มีสมาชิก 5 คน เมื่อมาถึงภารกิจล่าสุด ส่วนตัวไม่อยากเล่นแล้ว และอยากได้เงินคืน เพราะตอนนี้จำนวนเงินอยู่ที่ 20,000 บาท จึงสอบถามไปยังแอดมินว่าต้องทำอย่างไร อีกฝ่ายก็ระบุให้ทำภารกิจเพิ่ม โดยการโอนเงิน 70,000 บาท เพื่อรับเงินคืน

 

ด้วยความอยากได้เงินคืนและไม่คิดว่าเป็นมิจฉาชีพ จึงตัดสินใจโอนเงินไป และต้องโอนเงินให้ครบทั้ง 5 คน เมื่อผ่านภารกิจที่หนึ่งแล้ว จากนั้นแอดมินก็ให้ทำภารกิจที่สอง โดยให้โอนเงินอีก 160,000 บาท โดยคนในกลุ่มเริ่มมีการโวยวายขึ้น แต่ตนก็ยังไม่ฉุกคิดว่าเป็นมิจฉาชีพ ต้องการเพียงเงินคืนเท่านั้น และหากไม่โอนเงินในภารกิจที่สอง ตนก็จะไม่ได้เงิน 90,000 บาท ที่จ่ายไปก่อนหน้านี้คืนมา

 

 

 

 

ตอนนั้นจึงต้องไปหาเงินมา 160,000 บาท เพื่อโอนไปให้อีกฝ่าย แต่ก็ได้รับคำตอบว่ายังไม่เสร็จสิ้นภารกิจ และถูกให้ทำภารกิจที่สาม โดยการให้โอนเงิน 300,000 บาท เพื่อแลกกับการที่จะได้เงินคืน 1 ล้านกว่าบาท ตนหลงเชื่อจึงไปหาเงินมาโอนให้ แต่สุดท้ายได้รับคำตอบว่าทั้งหมดทำภารกิจไม่สำเร็จ เพราะทั้ง 5 คน โอนเงินไม่ตรงตามเวลาที่กำหนด จึงจะให้โอนเงินเพิ่มอีก 500,000 บาท ซึ่งขณะนั้นไม่มีเงินแล้ว และเริ่มรู้ตัวแล้วว่าโดนหลอกจึงไม่ยอมโอนเงินให้อีก

 

การสูญเสียเงินทั้งหมด เกิดขึ้นภายใน 1 วันเท่านั้น และสาเหตุที่โอนเงินเร็ว เพราะ อีกฝ่ายให้เวลาในการทำภารกิจเพียง 7 นาที หากทำไม่ทันเวลา ภารกิจจะล้มเหลว และไม่ได้เงินคืน จึงทำให้ไม่มีเวลาฉุกคิดหรือปรึกษาใคร ส่วนภารกิจที่มิจฉาชีพให้ทำคือการโอนเงินเพื่อกระตุ้นยอดขาย จากนั้นมีการส่งลิงก์มาให้กดสินค้าลงตะกร้าออนไลน์ เพื่อสั่งซื้อเป็นการกระตุ้นยอดขายให้ร้านค้า ส่วนสินค้าที่เป็นเสื้อผ้าที่บอกว่าจะให้รีวิวให้นั้น จนขณะนี้ก็ยังไม่เคยได้ใส่ ที่ผ่านมาติดต่อผ่านการแชทเพียงอย่างเดียวไม่เคยมีการโทรศัพท์พูดคุยกันเลยสักครั้ง

 

 

 

 

น.ส. ศุภณัฐ เล่าอีกว่า สำหรับบุคคลอีก 4 คนในกลุ่มวีไอพี ตนมาทราบภายหลังว่ามีเพียงตนเพียงคนเดียวเท่านั้นที่โอนเงินให้ จึงเชื่อว่ากลุ่มคนในห้องวีไอพี เป็นหน้าม้าที่มาหลอกให้หลงเชื่อ  ส่วนบัญชีที่โอนเงินให้ในกลุ่มแรก ตลอดจนกลุ่มวีไอพี มีทั้งหมด 4 บัญชี รายชื่อไม่ซ้ำกัน ซึ่งในวันนี้ได้นำหลักฐานเป็นสเตทเมนท์ สลิปการโอนเงิน และประวัติการแชท มาให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการ

 

ด้าน พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ เปิดเผยว่า ผู้เสียหายได้แจ้งความไว้ที่ สน.ห้วยขวาง และแจ้งความออนไลน์ไว้แล้ว โดยวันนี้พนักงานสอบสวน บก.สอท.1 จะสอบสวนเพื่อติดตามเส้นทางเงินจากบัญชีม้าของมิจฉาชีพรายนี้ ซึ่งเบื้องต้นพบบัญชีม้าแล้ว 2 คน และทราบตัวตนแล้ว อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อออกหมายเรียกต่อไป โดยรับปากว่าจะติดตามทำคดีนี้ให้ดีที่สุด