'สิบโท' หนุ่มช้ำรัก แต่งผู้ช่วยพยาบาลได้ 7 วัน สาวหอบสินสอดหนีหาย

เรื่องราวความรักของทหารหนุ่มที่ถูกเจ้าสาวหมาดๆ หอบเงินสินสอดเงียบหายหลังแต่งงานได้เพียง 7 วัน ถูกเปิดเผยผ่านผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งซึ่งได้โพสต์ข้อความระบุว่า

 

"อยากจะเล่าเหตุการณ์ ตั้งแต่ต้นปี ยันตอนนี้ ผมได้คบกับผู้หญิงคนนึงได้ตกลงคบกันจะ มีอยู่วันหนึ่ง ได้ตกลงแต่งงาน พอแต่งงานได้ได้ 7 วัน เท่านั้น นางได้ขาดการติดต่อมาสักพักหนึีง พอติดต่อได้ คือบอกอยู่ไปไม่มีความสุข สุดท้าย #ผมโดนเทหรอวะเนี่ย คือยังไง จนผมได้ไปเคลียร์มาจากที่ทำงานเขา ผมก็ได้คำเดิมกลับมาคือเลิก ฝากไว้เป็นอุทาหรณ์ นะคับ ส่วนท่านใด อยากแสดงความคิดเห็น ได้เลยนะคับ ผมอยากเห็นความคิดหลายๆ คน ว่าเหตุการณ์นี้ ควรทำอะไร ” 

 

 

 

เจ้าของเฟซบุ๊กซึ่งเป็นทหารยศสิบโท อายุ 28 ปี  ประจำการอยู่ค่ายทหารแห่งหนึ่งใน จ.ชลบุรี นำรูปภาพงานแต่งงาน รูปบรรยากาศต่างๆ การ์ดเชิญงานแต่ง ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 29 เม.ย. 2566 ที่ผ่านมา โดยจัดที่บ้านของฝ่ายหญิง ที่ จ.บุรีรัมย์ มาให้ผู้สื่อข่าวดูพร้อมเล่าที่มาที่ไปของเรื่องที่เกิดขึ้น

 

สิบโทหนุ่ม เจ้าของเรื่อง รู้จักกับฝ่ายหญิง ผ่านทางแอปพลิเคชันหาคู่ โดยมีการแชทหา และขอเบอร์โทรศัพท์ เพื่อพูดคุยกัน จากนั้นได้มีการนัดและเดินทางไปเที่ยวที่นอนค้างที่บ้านของฝ่ายหญิง แต่พอรุ่งเช้าญาติของฝ่ายหญิง ได้บอกว่าให้เอาผู้ใหญ่มาคุย เพราะตนทำผิดประเพณีของทางบ้านเขา จากนั้นตนจึงได้โทรศัพท์หาพ่อเพื่อมาคุย และทำการหมั้นหมายกันเอาไว้

 

 

 

 

โดยแม่ของฝ่ายหญิงบอกว่า จะเรียกค่าสินสอดเป็นเงิน 2 แสนบาท ทองหนัก 2 บาท ซึ่งได้พูดคุย และตกลงกันไว้เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2566 ที่ผ่านมา แต่พอผ่านมา ประมาณ 15 วันทางแม่ฝ่ายหญิง ได้ร้องขอมาแต่งก่อนได้ไหม โดยเรียกค่าดอง 1 แสนบาท ทองหนัก 1 บาทแทน ตนยังรู้สึกแปลกใจว่า เอะใจว่า ทำไมเร่งรัดขนาดนี้

 

หลังจากนั้น ก็มีการโทรมาเอาเงิน เพื่อไปซื้อของและเตรียมจัดงาน ตนก็รีบโอนเงินไปให้ พอถึงวันที่แห่ขบวนขับหมากไปบ้านเจ้าสาว ตนก็แปลกใจว่า จัดงานแต่งทำไมไม่มีญาติ หรือคนในหมู่บ้านมาร่วมงานเลย มีแต่คนที่สนิท และญาติอย่างเดียว

 

 

 

 

 

 

และที่สำคัญงานพิธีทุกอย่าง จะทำเร็วมาก รวมทั้งนับเงินสินสอด ช่างภาพที่ตนเตรียมมาทำงาน ก็ยังถ่ายภาพไม่ทัน และคนในงาน รวมทั้งญาติๆ ของตน ก็ยังสงสัย และคิดว่า งานแต่งในครั้งนี้ผิดปกติมาก หลังจากแต่งงานเสร็จแล้ว อยู่กินกันประมาณ 6 วัน ฝ่ายหญิงก็เริ่มเงียบ และก็กลับไปทำงาน

 

 

 

 

ตนก็ได้ตามไปถึงที่ทำงาน ที่เขาทำเป็นผู้ช่วยพยาบาลอยู่โรงพยาบาลชื่อดังในกรุงเทพ โดยพยายามสอบถามถึงสาเหตุ แต่ทางฝ่ายหญิงก็ไม่ยอมพูดกับตน เอาแต่เงียบ แล้วเดินหนี ด้วยความสงสัย จึงได้สอบถาม และโพสต์ข้อความ เพื่อขอความเห็น รวมทั้งพ่อกับแม่และพี่น้องของตน ก็บอกว่า ตนน่าถูกผู้หญิงคนนี้หลอกเอาเงินค่าสินสอดอย่างแน่นอน

 

 

 

 

จากนี้ตนก็ได้เดินทางเข้าแจ้งความดำเนินคดี ในข้อหาหลอกลวง และจะฟ้องเงินที่ตนได้เสียไปกับการจัดงาน และเงินค่าดอง รวมๆ กว่า 180,000 บาท เพราะเงินส่วนนี้ ตนได้ไปกู้มากับพ่อ เพื่อเอามาแต่งงาน โดยหวังว่าจะสร้างอนาคต แต่กลับมาถูกฝ่ายหญิงหลอกลวงแบบนี้ ทำให้รู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก ถามว่ารักไหม ตอบได้เลยว่ารัก แต่เจอเหตุการณ์แบบนี้ ถ้าจะรักแค่ไหน ก็ขอให้ตัดใจดีกว่า

 

 

 

วิศาล แสงเจริญ  จ.ชลบุรี