ข่าว

อ่วม พี่เลี้ยง 'บ้านเด็กหญิงสระบุรี' ตั้งกฎลงโทษเองผิด กม.คุ้มครองเด็ก

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ผู้ว่าฯสระบุรี นำทีมบุก "สถานสงเคราะห์บ้านเด็กหญิงสระบุรี"สอบด่วนหลังโซเชียลแชร์ว่อน เด็กถูกมัดมือมัดเท้า นอนพื้นห้องน้ำ แจ้งข้อหา"พี่เลี้ยง" ตั้งกฎลงโทษโดยพลการ ผิด พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก

นายผล ดำธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี พร้อมด้วย น.ส.สุนีย์ ศรีสง่าตระกูลเลิศ ผู้ตรวจราชการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคง พล.ต.ต.วิชิต บุญชินวุฒิกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสระบุรี  น.ส.น้ำค้าง คันธรักษ์ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จังหวัดสระบุรี อัยการ นักสังคมสงเคราะห์ นักจิตวิทยา เข้าตรวจสอบสถานสงเคราะห์เด็กหญิงสระบุรี หลังจากมีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งโพสต์ภาพเด็กหญิงคนหนึ่งนั่งอยู่ภายในห้องน้ำ โดยมีเชือกมัดมือและขา และภาพเด็ก 3 คน นอนเรียงกันอยู่ใต้อ่างล้างมือภายในห้องน้ำ โดยมีข้อความระบุว่า 

"ได้รับรู้เรื่องนี้มา ไม่นิ่งนอนใจที่จะหาทางตีแผ่สู่สังคม เด็กกว่า 280 ชีวิตต้องเผชิญกับความโหดร้ายจากสังคมภายนอกมาแล้ว ยังต้องมาเจอความโหดร้ายจากผู้ดูแล ทำไมมาตรการการทำผิดต้องมีห้องมืด ฝากสื่อด้วยนะคะ ยินดีให้ข้อมูล ฝากแชร์ เพื่อเป็นสะพานบุญให้เด็กหลายร้อยชีวิตด้วยนะคะ”
 

 

โซเชียลแช่ภาพเด็กจากสถานสงเคราะห์เด็กหญิงถูกจับมัดมือมัดเท้า

 

 

พล.ต.ต.วิชิต เปิดเผยว่าได้มีการสอบปากคำเด็กไปบางส่วน  ทราบว่าจุดเกิดเหตุเป็นบ้านหลังที่ 3 ชื่อ "บ้านทานตะวัน" ซึ่งบ้านหลังดังกล่าวมีเด็กอาศัยอยู่ 40 คน โดยผู้ก่อเหตุเป็นพี่เลี้ยงเด็ก ที่ดูแลเด็กในบ้านพักดังกล่าว 

 

 

จนท.ตำรวจเข้าตรวจสอบสถานสงเคราะห์เด็กหญิงสระบุรีที่เกิดเหตุ

 

 

สำหรับภาพเด็กที่ปรากฏ ถูกมัดมือมัดขานั้น เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในวันที่ 30 เม.ย. ที่ผ่านมา โดยพยานยืนยันว่าคนที่มัดเป็นเด็กโต 2 คน ซึ่งอยู่ในบ้านหลังนั้นจริง สาเหตุที่ลงโทษเนื่องจากเด็กกลุ่มดังกล่าวก่อเหตุทะเลาะกัน และหนีออกจากสถานที่พักอาศัย จำนวน 9 คน จึงถูกเรียกตัวกลับมาที่บ้านและถูกลงโทษดังกล่าว โดยรุ่นพี่มีการจับมัดมือคู่กัน และภาพที่เกิดขึ้น คือเด็กหญิงคนดังกล่าวปวดปัสสาวะ รุ่นพี่จึงได้ช่วยอุ้มพาไปเข้าห้องน้ำ เเละมีรุ่นพี่อีกคนถ่ายรูปเก็บไว้ 

 

 

เด็กถูกให้นอนบนพื้นในห้องน้ำ

 


ส่วนซึ่งครูพี่เลี้ยง ผู้ถูกกล่าวหา ยืนยันว่าไม่ได้เป็นผู้ลงมือทำ แต่ยอมรับว่าเคยข่มขู่เด็ก ว่าถ้าทะเลาะกัน หรือออกนอกพื้นที่ที่กำหนด จะต้องถูกมัด และต้องถูกลงโทษในลักษณะนี้ ซึ่งเด็กรุ่นพี่ทั้งสองคนก็ทำตามคำสั่งของพี่เลี้ยงที่เคยพูดไว้ ซึ่งภายหลังครูพี่เลี้ยงก็มาเห็นภาพที่เด็กถูกมัดมือมัดเท้า แต่ก็ไม่ได้ให้การช่วยเหลือหรือตักเตือน แต่กลับสนับสนุนว่าเป็นการกระทำที่ถูกต้อง ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวทาง พม.ได้ให้ฝ่ายกฎหมาย ดำเนินคดีแล้ว 
    

 

จนท.ตรวจสอบบริเวณที่เด็กให้การว่าถูกแช่อยู่ในท่อน้ำทิ้ง

 

 

ส่วนภาพที่เด็กไปนอนอยู่ในห้องน้ำนั้น เหตุการณ์ดังกล่าวก็เกิดขึ้นจริงภายในห้องน้ำชั้น 2  โดยครูพี่เลี้ยงผู้ถูกกล่าวหานั้น ให้การว่าเป็นกติกาของตัวเอง หากเด็กคนใดมีการขับถ่ายเลอะที่นอนในช่วงกลางคืน ก็จะถูกลงโทษโดยการให้ไปนอนในห้องน้ำ จนกว่าจะหยุดปัสสาวะรดที่นอน จึงจะให้กลับมานอนที่เดิม เพื่อเป็นตัวอย่างไม่ให้เด็กคนอื่นๆ กระทำตาม 

 

 

จนท.ตรวจสอบบริเวณที่เด็กให้การว่าถูกแช่อยู่ในท่อน้ำทิ้ง

 

 

กรณีที่เด็กระบุว่ามีเด็กหลายคนถูกลงโทษโดยการให้ลงไปแช่ในน้ำ ในกรณีนี้ ครูพี่เลี้ยงก็ยอมรับว่าเป็นกติกาที่ถูกกำหนดขึ้นในการที่จะลงโทษเด็กเล็ก หากมีอาการดื้อหรือซุกซน แต่จากการตรวจสอบที่ผ่านมายังไม่พบว่ามีเด็กคนใดเคยโดนลงโทษด้วยวิธีดังกล่าว แต่หากมีพยานหลักฐานก็จะมีการดำเนินคดีด้วยเช่นกัน 

 

มาตรการลงโทษ เด็กที่ทำผิดระเบียบที่ทางสถานสงเคราะห์ตั้งไว้

 

 

ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ได้ปักใจเชื่อในคำให้การทั้งหมด ต้องอยู่กับที่พยานหลักฐานต่างๆ ซึ่งได้ลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุ รวมไปถึงจะได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามจุดต่างๆ ภายในสถานสงเคราะห์ แล้ว ในส่วนของผู้ปกครองสถานสงเคราะห์ ถ้าหากมีพยานหลักฐานชี้ชัดว่ามีการปล่อยปละละเลย หรือปล่อยให้เกิดเหตุการณ์นี้ก็จะถูกดำเนินคดีมาตรา 157 ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่

 

 

ตร.ตั้งข้อหาพี่เลี้ยงสถานสงเคราะห์ ผิด พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก

 

 

สำหรับครูพี่เลี้ยง ซึ่งตกเป็นผู้ถูกกล่าวหา จะมีการดำเนินคดี ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 309 ความผิดเกี่ยวกับสิทธิและเสรีภาพ , เเละความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก สำหรับข้อหาอื่นๆ ในเรื่องของการหน่วงเหนี่ยวกักขัง จะต้องตรวจสอบดูพยานหลักฐานอีกครั้งก่อน

 

 

ตร.ตั้งข้อหาพี่เลี้ยงสถานสงเคราะห์ ผิด พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก

 

 

และมีรายงานว่า นายอนุกูล ปีดแก้ว ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (ปลัด พม.) เปิดเผยว่าอธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชน (ดย.) และผู้ตรวจราชการกระทรวง พม. ซึ่งได้ลงพื้นที่เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงได้สั่งย้ายผู้ปกครองสถานสงเคราะห์ดังกล่าวไปปฎิบัติราชการที่ส่วนกลางได้นัดประชุมด่วนกับผู้บริหารทุกกรม เพื่อเตรียมจัดระบบสถานสงเคราะห์ทั่วประเทศใหม่ในการดูแลผู้รับบริการทุกกลุ่มเป้าหมาย

 

 

 

วัฒนา เอี่ยมสำอางค์  จ.สระบุรี          

 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ