ข่าว

'ทนายพัช' ปัดเอี่ยวจัดฉากย้ายหลักฐานช่วย 'แอม ไซยาไนด์'

26 พ.ค. 2566

"ทนายพัช" ยืนยันไม่เกี่ยวข้อง จัดฉากร่วมกันทำลายพยานหลักฐานคดี "แอม ไซยาไนด์" ยืนยันเป็นทนายหลักในคดีให้ผู้ต้องหา พร้อมเตรียมพิจารณาฟ้องตำรวจ และสื่อมวลชน

26 พ.ค. 2566 น.ส.ธันย์นิชา เอกสุวรรณรัตน์ หรือ ทนายพัช พร้อมด้วย นายไชยา คุ้มอ่ำ ทนายความ ซึ่งเดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รองผู้บังคับการปราบปราม (รอง ผบก.ป.) พ.ต.ท.ภาณุพงศ์ จันตะกูล สว.(สอบสวน) กก.5 บก.ป. เพื่อเข้ารับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียก 

 

น.ส.ธันย์นิชา ระบุว่ามารับทราบข้อกล่าวหา หลังถูกซัดทอดว่าตนอยู่เบื้องหลังการจัดฉากยักย้ายพยานหลักฐาน ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ซึ่งได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาไปแล้ว ซึ่งตลอดเวลาเป็นทนายความให้ นางสรารัตน์ หรือ แอม ตนให้คำแนะนำต่างๆ ตามหน้าที่ของทนายภายใต้กฏหมาย และ ยืนยันว่าไม่เคยเกี่ยวข้องหรือแนะนำการจัดฉากยักย้ายหลักฐานต่างๆ แน่นอน ซึ่งได้ชี้แจงพนักงานสอบสวนไปหมดแล้ว

 

 

 

ทนายพัช ยังยืนยันอีกว่ายังเป็นทนายความหลักให้ นางสรารัตน์ อยู่ ส่วนจะมีทนายความคนไหน เข้ามาช่วยเหลือเรื่องคดีด้วย ก็สามารถทำได้ เป็นสิทธิของผู้ต้องหา ที่สามารถแต่งตั้งทนายความคนอื่นเพิ่มได้ แต่ต้องสอดคล้องกับทนายหลัก และทนายหลักต้องยินยอม

 

ซึ่งก่อนหน้านี้มีรายงานว่า มีทนายความคนอื่นได้เข้าไปขอคัดสำนวน และขอเข้าไปพบ แอม หลายครั้ง และเบิกตัวมาขึ้นศาล ซึ่งทนายคนดังกล่าวไม่ได้ขอมาทำงานร่วมด้วย แต่ขอไม่พาดพิงถึง

 

ส่วนประเด็นที่ว่า นางสรารัตน์ จะมีการฟ้องหมิ่นประมาทบุคคลต่าง ๆ ทั้งพิธีกรและสื่อมวลชน ทนายพัช กล่าวว่า เรื่องนี้อยู่ระหว่างหารือกับกลุ่มทนายใจดี แต่ยืนยันว่าขณะนี้เตรียมจะฟ้องร้องอย่างแน่นอน ซึ่งตนยืนยันว่าการทำหน้าที่ของทนายความมีหน้าที่ไปศาล ไม่ใช่มีหน้าที่ไปออกสื่อ

 

ทนายพัช ปัดเอี่ยวจัดฉากย้ายหลักฐานคดี แอม ไซยาไนด์

 

 

ส่วนการฟ้องร้องตำรวจ นอกจากมาตรา 157 แล้ว จะใช้มาตราใหม่คือ พ.ร.บ.อุ้มหาย เข้ามาเพิ่มเติม ส่วนตัวของตนเองนั้นก็อาจจะมีการฟ้องร้องหมิ่นประมาทกับสื่อมวลชนบางสำนักด้วย ยืนยันไม่กังวลในประเด็นที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. จะใช้ทนายความช่วยคดีคนที่จะถูกฟ้อง

 

ส่วนกระแสสังคมที่โจมตีตัวเองในประเด็นต่าง ๆ มองว่าเป็นการทำคดีสวนกระแสสังคม เป็นปกติที่คนจะมองว่าตนเป็นคนไม่ดี แต่ยืนยันว่าไม่กังวลและสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ และ ภายในสัปดาห์หน้าตัวเองจะเข้าพบ แอม อีกครั้ง เพื่อสอบถามแนวทางการดำเนินคดีเพิ่มเติม

 

 

ทนายพัช ปัดเอี่ยว ยักย้ายหลักฐานคดี แอม ไซยาไนด์

 

 

ด้าน นายไชยา กล่าวว่า การที่ ทนายพัช ถูกเชิญตัวมารับทราบข้อกล่าวหาในวันนี้ ไม่มีอะไรน่าหนักใจ และ เชื่อว่าการทำหน้าที่ของทนายพัชเป็นการทำหน้าที่โดยสุจริต โปร่งใส ส่วนที่ตอนแรกขอเลื่อนเข้าพบตำรวจนั้น เนื่องจากยังไม่ได้รับหมายเรียก แต่เมื่อได้รับหมายเรียกก็รีบเดินทางมาเข้าพบเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจทันที

 

และเชื่อว่าการที่ ทนายพัช ถูกแจ้งข้อกล่าวหานั้น เป็นการเตะตัดขากัน ให้พุ่งเป้าไปที่ทนายพัช และพยายามตัดสิทธิไม่ให้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับคดีนี้ จึงอยากขอโอกาสให้ทนายพัชเข้าไปช่วยเหลือลูกความอย่างเต็มที่ ซึ่งเป็นสิทธิของลูกความที่จะเลือกทนายเข้ามาช่วยเหลือคดี

 

ขณะที่ พ.ต.อ.เอนก  กล่าวว่า จากการสอบปากคำทนายพัช ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และให้การแย้งในประเด็นต่างๆ ที่พนักงานสอบสวนสงสัย ซึ่งคำให้การต่าง ๆ ค่อนข้างขัดแย้ง กับข้อมูลการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และไม่สามารถหักล้างประเด็นต่างๆ ในคดีได้ และยืนยันว่ามีพยานหลักฐานมากพอ ที่จะสามารถดำเนินคดีกับทนายพัชได้

 

ส่วนประเด็นที่กล่าวหาว่าตำรวจ เตะตัดขาทนายความนั้นมีความชัดเจนว่าผู้ต้องหามีพฤติการณ์เกินกว่าการเป็นทนายความ และเกินกว่าขอบเขตตามมรรยาททนายความ จึงถือว่าเป็นการกระทำความผิดที่เกี่ยวข้องกับการทำลายพยานหลักฐาน

 

ทั้งนี้ไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าบุคคลที่ให้ปากคำซัดทอดมาถึงตัวทนายพัช แต่ยืนยันว่าบุคคลดังกล่าวมั่นใจในคำให้การ และตำรวจสามารถสืบสวนสอบสวนจนหาพยานหลักฐานมายืนยันคำให้การดังกล่าวได้ และถึงแม้ นางสรารัตน์ จะให้การพลิกไปพลิกมาในแต่ละครั้งที่มีการสอบปากคำ ก็จะยิ่งเป็นผลเสียต่อตัวผู้ต้องหาเอง เพราะจะทำให้คำให้การของผู้ต้องหาเสียน้ำหนักทางรูปคดี และทำให้ศาลไม่เกิดความเชื่อถือ

 

ส่วนกรณีที่ทนายความ แสดงความมั่นใจว่า นางสรารัตน์ จะออกมาแจ้งความเอาผิดเจ้าหน้าที่ตำรวจในข้อหาความผิดเกี่ยวกับ มาตรา 157 และกฎหมายใหม่ที่เพิ่งถูกประกาศใช้ เป็นสิทธิที่ผู้ต้องหาสามารถทำได้