ศาลอาญา สั่งจำคุก 5,056 ปี 15,168 เดือน "เท้าแชร์แม่มณี" ฉ้อโกงประชาชน ตุ๋นเหยื่อกว่า 2,500 รายลงทุนออมเงิน เสียหายกว่า 1,300 ล้านบาท แต่จำคุกจริงได้ 20 ปี
10 พ.ค. 2566 ศาลอาญา นัดอ่านคำพิพากษาคดีที่พนักงานอัยการคดีพิเศษ1 เป็นโจทก์ฟ้อง น.ส.วันทนีย์ หรือ เดียร์ ทิพย์ประเวช จำเลยที่ 1 เท้าแชร์แม่มณี, นายเมธี หรือบอส ชิณภา จำเลยที่ 2, นายปิยะ หรือเป้ คีรีสุวรรณกุล จำเลยที่ 3 , น.ส.พรสวรรค์ หรือฝ้าย ภูอินอ้อย จำเลยที่ 4, น.ส.ธวัลรัตน์ ทิพย์ประเวช จำเลยที่ 5, น.ส.วิไลวรรณ หรือมิ้น หงษ์ประชาทรัพย์ จำเลยที่ 6, น.ส.นิตยา หรือโบว์ พินนอก จำเลยที่ 7, นายบริภัทร เข็มรัตน์ จำเลยที่ 8 และนายปิยะเศรษฐ์ ธิโสภา จำเลยที่ 9 ในความผิดฐานร่วมกันกู้ยืมเงิน อันเป็นการฉ้อโกงประชาชน
กรณี ระหว่างวันที่ 9 มี.ค. 2562 - 30 ต.ค.2562 ต่อเนื่องกัน จำเลยทั้ง 9 คน ร่วมกันกระทำความผิดหลายกรรมต่างวาระโดยจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 4 เจตนาทุจริตหรือโดยการหลอกลวงร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่ บิดเบือนหรือปลอมข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ คอมพิวเตอร์โปรแกรมเฟซบุ๊ก
ประกาศให้ประชาชนทั่วไปมาร่วมออมเงินหรือร่วมลงทุนกับจำเลย โดยจะได้ผลตอบแทนมากกว่าปกติเป็นพิเศษ โดยมีแผนการตลาดหรือรูปแบบการลงทุนจัดแบ่ง ออกเป็นวง จำนวนการลงทุนวงละ 1,000 บาท จะได้รับผลตอบแทน 930 บาท ต่อหนึ่งวง เมื่อครบกำหนด 9 เดือน นับแต่วันที่ลงทุนหรือวันที่ฝากเงินมายังบัญชีที่แจ้ง โดยผู้ลงทุนจะได้รับเงินที่ลงทุนพร้อมผลตอบแทนกลับไปจำนวนวงละ 1,930บาท
ต่อมาจำเลยที่ 1 และที่ 4 กับพวก ได้เปลี่ยนเป็นการลงทุนระยะสั้น อีกหลายระบบหลายครั้งซึ่งข้อความดังกล่าวเป็นเท็จ ความจริงแล้วจำเลยที่ 1 และที่ 4 กับพวก ไม่ได้จัดให้มีการออมเงินหรือร่วมลงทุนโดย ได้รับผลตอบแทนมากกว่าปกติดังกล่าวแต่อย่างใด
แต่เป็นอุบายให้ได้มาซึ่งทรัพย์สินเงินทองจากประชาชนผู้ถูกหลอกลวงเท่านั้น จนเกิดความเสียหายแก่ จำนวน 2,533 ราย รวมทั้งสิ้น 1,376,215,359 บาท โดยให้อัตราดอกเบี้ยสูงสุดที่สถาบันการเงินตามกฎหมายว่าด้วยดอกเบี้ยให้กู้ยืมของ สถาบันการเงินจะพึงจ่ายได้ ตั้งแต่อัตราร้อยละ 1,116 ถึงร้อยละ 3,040.45 ต่อปี อันเป็นเท็จ ซึ่งการกู้ยืมเงินตามกฎหมาย ดอกเบี้ยสูงสุดที่สถาบันการเงินตาม กฎหมายว่าด้วยดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมของสถาบันการเงินจะพึงจ่ายได้ มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 3.50 ต่อปีเท่านั้น
โดยพวกจำเลยนำเงินดังกล่าวไปเป็นประโยชน์ส่วนตนโดยทุจริต และเป็นการกู้ยืมเงินจากผู้ให้กู้ยืมเกิน10 คน ซึ่งมีจำนวนเงินกู้ยืมรวมกันตั้งแต่ห้าล้านบาทขึ้นไป อันมิใช่การกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินตามกฎหมายว่าด้วยดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมของสถาบันการเงินการกระทำของจำเลยทั้งเก้า เป็นความผิด ต่างกรรมต่างวาระกันตาม เหตุเกิดที่ทุกแขวงและเขต กรุงเทพมหานคร ทุกตำบลและอำเภอ จังหวัดอื่นๆ เกี่ยวพันกัน
ศาลอาญาพิเคราะห์พยานหลักฐานที่ทั้งสองฝ่ายนำสืบหักล้างกันแล้ว เห็นว่า จำเลยที่ 1 และ 2 กระทำผิดตามฟ้องจริง การกระของจำเลยเป็นความผิดต่างกรรมต่างวาระกัน ให้เรียงกระทงลงโทษทุกกรรมตามความผิด ให้ลงโทษจำคุกกระทงละ 5 ปี 2,528 กระทง รวม 12,640 ปี
แต่จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้เหลือกึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยที่ 1 และ 2 เป็นเวลา 5,056 ปี 15,168 เดือนแต่ตามกฎหมายลงโทษจำคุกได้ 20 ปี ส่วนจำเลยที่ 3 - 9 พิพากษายกฟ้อง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง