ข่าว

จ่อออกหมายจับ ตำรวจ เอี่ยว 'แอม' เตรียมค้นโรงงานนำเข้า ไซยาไนด์

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

'บิ๊กโจ๊ก' พบ ตำรวจ 1 นาย ร่วมมือกับ 'แอม ไซยาไนด์' ทำผิด เตรียมออกหมายจับ ขณะเตรียมเข้าตรวจค้นโรงงานนำเข้า 'ไซยาไนด์' หากพบผิดวัตถุประสงค์ ต้องถูกดำเนินคดีด้วย

การประชุมคดีของ นางสรารัตน์ หรือ 'แอม ไซยาไนด์' ผู้ต้องหาในคดีฆ่าวางยาไซยาไนด์ ซึ่ง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้เรียกประชุมคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนของแต่ละท้องที่ที่ทำคดีของ แอม

 

 

โดย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ บอกถึงการประชุมในวันนี้ว่า เพื่อเร่งรัดสำนวนการสอบสวน ซึ่งขณะนี้ออกหมายจับไปแล้วกว่า10คดี และแจ้งข้อหาพร้อมอายัดตัวผู้ต้องหาไปแล้ว ส่วนคดีที่เหลือ อยู่ระหว่างเร่งรัดขอศาลอนุมัติหมายจับอีก 4 คดี และสิ่งสำคัญของการประชุมในวันนี้ จะเป็นการเร่งรัดการทำสำนวนคดีให้แน่นหนา เพื่อให้ศาลได้พิจารณาลงโทษผู้กระทำความผิด และจะมาดูพยานหลักฐานที่เชื่อมโยงไปยังบุคคลใกล้ชิดที่เกี่ยวข้องด้วย

 

ซึ่งตอนนี้พบหลักฐานว่า ร่วมกันในการกระทำความผิดกับแอม ส่วนรายละเอียดที่ร่วมกระทำความนั้น ผิดแบบใดยังไม่สามารถเปิดเผยได้ เบื้องต้น เป็นตำรวจ 1 นาย ที่เคยเข้ามาให้ปากคำไปแล้ว ซึ่งคาดว่า ภายใน 1-2 วันนี้จะขอศาลอนุมัติหมายจับเพิ่มเติมตำรวจนายนี้ได้ ซึ่งเมื่อถามว่าเป็นรองผู้กำกับอดีตสามีแอมหรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ บอกเพียงว่า เป็นรายละเอียดในสำนวนยังไม่สามารถเปิดเผยได้เช่นกัน

 

 

นอกจากนี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังบอกอีกว่า ขณะนี้ทราบแหล่งที่มาของ ไซยาไนด์ แล้ว จึงได้ประสานอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม ในฐานะที่เป็นผู้ออกใบอนุญาตในการนำเข้ามาไซยาไนด์ มาร่วมทำการตรวจสอบด้วย โดยวันนี้ได้ขอหมายค้นเพื่อเข้าตรวจสอบโรงงานที่นำเข้าไซยาไนด์ดังกล่าวแล้ว ซึ่งอยู่ในย่านลาดกระบัง กรุฃเทพมหานคร 

 

 

นอกจากนี้ จะต้องตรวจสอบรายละเอียดของโรงงาน มีวัตถุประสงค์ในการนำเข้าอย่างไร และโรงงานเหล่านี้จะต้องมีวิธีการควบคุมการนำไปใช้ ที่จะต้องนำไปใช้ให้ตรงตามวัตถุประสงค์ ซึ่งหากพบว่า โรงงานดังกล่าวกระทำความผิด ก็จะต้องดำเนินคดีด้วย

 

 

ทั้งนี้ ยืนยันด้วยว่า คดีที่ออกหมายจับไปแล้วทั้งหมด มีพยานหลักฐานทำให้ศาลเชื่อมั่นว่า แอมเป็นคนฆ่า จนออกหมายจับได้ และความจริงแล้วสามารถไปแจ้งข้อหาได้เลย แต่การไปขอศาลอนุมัติหมายจับนั้นก็เพื่อให้เห็นว่าพยานหลักฐานของตำรวจมีน้ำหนักมากพอที่จะเอาผิด และความเชื่อมโยงของพยานหลักฐานทั้งหมด ก็คือการนำ ไซยาไนด์ มาให้ดื่มกินในแต่ละกรรม แต่ละสถานที่ โดยพยานหงักฐานสำคัญคือ ผลชันสูตรพลิกศพ พยานแวดล้อมที่ให้การยืนยันว่าผู้เสียชีวิตมีการนัดหมายแอม ซึ่งทั้งหมดมีรูปแบบเดียวกัน

 

 

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

 

ส่วนการที่แอมเข้าไปเกี่ยวข้องกับการทำประกันชีวิต ขณะนี้ให้พนักงานสืบสวนสอบสวนไล่ตรวจสอบคนที่แอมทำประกันให้ทั้งหมด ว่า ตอนนี้สถานะเป็นยังไงบ้าง ซึ่งถ้าเสียชีวิตก็ต้องมาดูว่าเกี่ยวข้องหรือไม่ เบื้องต้นพบว่า มีมากกว่า 10 ราย ที่พบว่า แอม เข้าไปเกี่ยวข้องกับการทำประกันชีวิต

 

 

สำหรับกรณีของ นายแด้ หลังจากนี้หากพบหลักฐานว่า ร่วมมือกระทำความผิดกับแอม ก็จะแยกดำเนินคดีเป็นอีกสำนวนหนึ่ง ถึงแม้นายแด้จะเสียชีวิตไปแล้ว ตำรวจก็จะดำเนินคดีในฐานผู้กระทำผิด แต่เนื่องจากเจ้าตัวเสียชีวิตไปแล้ว ในทางกฎหมายการดำเนินคดี ก็ถือว่าเป็นที่สิ้นสุด รวมถึงอยู่ระหว่างกระบวนการจำนำรถ และคดีของ น.ส.มณฑาทิพย์ หรือ 'ทราย' ที่เสียชีวิตในพื้นที่ สน.ทองหล่อ ด้วย

 

 

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังบอกอีกว่า ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการว่าหลังจากนี้ผู้กำกับ-หัวหน้าสถานีตำรวจทั้งหมด จะต้องทำการชันสูตรพลิกศพ ทุกรายที่เป็นการตายผิดธรรมชาติ และการสอบสวนของพนักงานสองสวน จะต้องบูรณาการกับแพทย์ เพื่อป้องกันเหตุไม่ให้เกิดขึ้นอีก แม้แพทย์นิติเวชจะมีจำนวนน้อย ส่วนใหญ่อยู่ในจังหวัดก็ตาม แต่เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้อีกและเป็นมาตรการที่เข้มงวดมากขึ้น ถึงญาติผู้เสียชีวิตขะไม่ติดใจก็ต้องดำเนินการ ก็จะต้องอธิบายให้ญาติเข้าใจว่าเป็นไปตามระเบียบของกฎหมาย เพราะมีบทเรียนมาแล้ว

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ