รพี ยื่นไทมไลน์ 'แอม ไซยาไนด์' จี้ สธ.สอบ ตายด้วย หัวใจล้มเหลว ย้อนหลัง

นายรพี ชำนาญเรือ ผู้ประสานงานเหยื่อคดี “แอม ไซยาไนด์” เข้าพบพนักงานสอบสวน กองปราบปราม ในคดี “น้องก้อย เท้าแชร์” ที่เสียชีวิตเมื่อวันที่ 14 เม.ย. 2566 บริเวณริมน้ำ อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี โดยเป็นการให้ข้อมูลเหตุการณ์ วันที่ น้องก้อยเสียชีวิต รวมทั้ง นำหลักฐานจากกล้องวงจรปิด ที่เห็น “แอม” ขับรถมารับก้อย ออกจากหมู่บ้านแห่งหนึ่งใน จ.นครปฐม และรายละเอียดไทม์ไลน์การติดต่อกับ “ส้ม” พี่สาวก้อย หลังจากก้อยเสียชีวิต

นายรพี ยืนยันว่า ขณะนี้มีผู้เสียชีวิตที่เชื่อมโยงกับแอมทั้งหมด 13 ศพ และรอดชีวิต 1 คน ส่วนคาดว่า เหยื่อจะมีถึง 20 ศพ หรือไม่นั้น ตนเองไม่ยืนยัน เพราะเป็นเพียงแค่คำบอกเล่าเท่านั้น แต่ในส่วนตัว เตรียมข้อมูลให้กับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล​ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในสัปดาห์หน้า ขณะนี้อยู่ระหว่างการจรวจสอบรายละเอียด และความชัดเจน โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นใน จ.นครปฐม 1 คน ส่วนอีก 1 คน ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ

นายรพี ได้ฝากไปถึงกระทรวงสาธารณสุข ให้ตรวจสอบข้อมูลย้อนหลังการเสียชีวิตในลักษณะดังกล่าว ไปถึงปี 2558 ในกรณีที่เสียชีวิตจากสาเหตุหัวใจล้มเหลว รวมทั้งใบมรณะบัตร ที่ระบุสาเหตุการตายหัวใจล้มเหลว ควรตรวจสอบอย่างละเอียด ว่าจะมีความเชื่อมโยงคดีแอมหรือไม่ เขายืนยันว่า การนำเสนอข้อมูลของตัวเอง เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ และสังคม จึงไม่กังวลว่าถูกฟ้องดำเนินคดีกลับ

ด้าน พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รองผู้บังคับการปราบปราม เปิดเผยความคืบหน้าด้านคดีว่า วันนี้พนักงานสอบสวนได้เชิญนายรพี มาสอบปากคำให้ข้อมูลเพิ่มเติม เกี่ยวกับที่มาในการรับรู้ข่าวสารของคดี และข้อมูลอื่นๆ ที่สามารถนำมาประกอบในสำนวนได้ ส่วนในวันพรุ่งนี้ ได้เชิญบุคลากรทางการแพทย์คนหนึ่ง ซึ่งมีข้อมูลว่าเป็นคนที่แอม เคยไปปรึกษาถามข้อมูลเกี่ยวกับคนที่มีอาการหัวใจล้มเหลวว่า มีอาการเป็นเช่นไร มาสอบปากคำเพิ่มเติม

ส่วนเรื่องการทำธุรกิจรับจำนำรถของแอม ขณะนี้อยู่ระหว่างการขยายผล จากข้อมูลที่ทราบว่า ผู้ต้องหาได้นำรถของแด้ อดีตสามีหายไป แต่ในส่วนของผู้เสียชีวิตคนอื่นๆ ขณะนี้อยู่ระหว่างขยายผล คาดว่า ภายในสัปดาห์หน้า จะมีความชัดเจนมากขึ้น ส่วนจะมีการออกหมายจับ หรือมีผู้ที่ร่วมกระทำความผิด เกี่ยวกับการจำนำรถยนต์เพิ่มเติมหรือไม่ ขณะนี้ยังไม่สามารถให้ข้อมูลได้ อยู่ระหว่างการตรวจสอบ

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีครอบครัวผู้เสียชีวิต ที่ร้องเรียนเข้ามา พบว่า มีถึง 18 คน แต่การสืบสวนของตำรวจมีเพียง 14 คน ที่สามารถนำมาประกอบสำนวนได้ ส่วนที่เหลือยังอยู่ระหว่างการสอบถามข้อมูล หาพยานหลักฐานเพิ่มเติม ว่ามีพฤติกรรมที่สามารถเข้าข่ายตกเป็นเหยื่อผู้เสียหายได้หรือไม่ ยอมรับว่า ขณะนี้แนวทางการสืบสวนในคดีที่ทำงานร่วมกับตำรวจภูธรภาค 7 และ ชุดสืบสวนของ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นไปในทิศทางที่ดี และคดีมีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง