ส่อพุ่ง 20 ศพ เหยื่อ 'แอม' ไซยาไนด์ หลังพบหลักฐาน โผล่เพียบ
เหยื่อวางยาฆ่า 'แอม' ไซยาไนด์ ส่อพุ่ง 20 ศพ หลังผลตรวจสอบ บัญชีธนาคาร โผล่รายชื่อโอนเงินตายเพิ่มอีกเพียบ พบพฤติกรรม รู้ช่องทางหลบเลี่ยง -ทำลายหลักฐาน อำพรางร่องรอย
เป็นคดีที่ต้องติดตามอย่างต่อเนื่อง สำหรับ “แอม” ไซยาไนด์ ผู้ต้องหา วางยาฆ่าชิงทรัพย์ “น้องก้อย” หรือ ก้อย เท้าแชร์ ซึ่งหลังจากนั้น พบเหยื่อ ที่เสียชีวิตในลักษณะคล้ายกัน ที่ญาติเคลือบแคลงใจ และออกมาขอให้ตรวจสอบจำนวนหลายราย ซึ่งล่าสุดจำนวนผู้เสียชีวิต ส่อพุ่งแตะ 20 ศพ หลังผลตรวจสอบบัญชีธนาคาร พบรายชื่อโอนเงิน อีกหลายคน
พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รองผู้บังคับการปราบปราม (ผบก.ป.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ คดีนางสรารัตน์ (สงวนนามสกุล) หรือ “แอม” ผู้ต้องหา วางยาฆ่าชิงทรัพย์ น.ส.ศิริพร ขันวงษ์ หรือ “ก้อย เท้าแชร์” อายุ 33 ปี คดีมีความคืบหน้าไปมาก พยานหลักฐานต่างๆ ที่มีอยู่แน่นหนาพอสมควร เชื่อว่า สามารถเอาผิดผู้ต้องหาได้
โดยวันนี้ พนักงานสอบสวน กองกำกับการ 5 กองบังคับการปราบปราม ได้เชิญตัวนายรพี ชำนาญเรือ ผู้ประสานงานเหยื่อในคดีดังกล่าว มาเข้าให้ปากคำในฐานะพยาน เพื่อสักถามรายละเอียดบางประเด็นเพิ่มเติมประกอบสำนวน
พ.ต.อ.เอนก กล่าวว่า ในวันพรุ่งนี้ (30 เม.ย.) พนักงานสอบสวน จะสอบปาก น.ส.นก พยาบาลของโรงพยาบาล ย่านธนบุรี ซึ่งถือเป็นพยานบุคคลสำคัญอีกราย เนื่องจาก น.ส.นก จัดอยู่ในกลุ่มเพื่อนสนิทของ “แอม” เช่นเดียวกับ น.ส.จอย พยานที่เคยให้การไปก่อนหน้านี้ หลังแนวทางสืบสวนพบว่า น.ส.นก เป็นอีกหนึ่งบุคคล ที่แอม มักติดต่อไปหาเพื่อพูดคุยปรึกษาเรื่องราวต่างๆ ในชีวิต
ทั้งนี้ การเชิญตัว น.ส.นก ในฐานะพยาน จะเป็นซักถามประเด็นข้อสงสัยพฤติกรรมโดยรวมของแอม รวมถึงรายละเอียดเกี่ยวกับกลุ่มวงแชร์ต่างๆ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการจับกุม “แอม” เมื่อ 25 เม.ย. ที่ผ่านมา ชุดคลี่คลายคดียังคงร่วมกันสืบสวนสอบสวนขยายผลอย่างต่อเนื่อง เพื่อหาความเชื่อมโยงของแต่ละคดี ที่แอม เข้าไปมีส่วนพัวพันกับการเสียชีวิตปริศนาของเหยื่อทั้ง 13 ราย และเหยื่อที่ถูกวางยาแต่รอดชีวิตมาได้อีก 1 ราย จนกระทั่งเมื่อ 1-2 วัน ที่ผ่านมา พบเบาะแสสำคัญ ทำให้เชื่อว่าผู้เสียชีวิตทั้งหมด น่าจะมียอดตัวเลขมากกว่า 13 ราย
เนื่องจากการตรวจสอบเส้นทางการเงินของ แอม อย่างละเอียด ตลอดห้วงระยะเวลา 3 ปี หรือ ตั้งแต่ปี 2564 จนถึงปัจจุบัน พบความผิดปกติหลายอย่าง อาทิ มีบุคคลจำนวนมากโอนเงินเข้ามายังบัญชีของแอม ตั้งแต่หลักหมื่น ไปจนถึงหลักแสนบาท ซึ่งจุดที่ทำให้เจ้าหน้าที่ให้ความสนใจมากเป็นพิเศษ คือ บุคคลที่เคยโอนเงินให้แอม มีจำนวนประมาณ 18-20 คน ได้เสียชีวิตลง หลังจากที่มีการโอนเงินให้ได้ไม่นาน
โดยในจำนวนนี้ มีทั้งบุคคลที่เคยปรากฎรายชื่อผู้เสียชีวิตตามสื่อต่างๆ และ บุคคลที่ยังไม่เคยปรากฎรายชื่อ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบให้แน่ชัดว่า ผู้เสียชีวิตรายใหม่ประมาณ 5-7 ราย ที่เพิ่งตรวจพบ เสียชีวิตด้วยสาเหตุใด และมีแอม เข้าไปเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่
ทั้งนี้ ข้อมูลจากการสืบสวนพบว่า หลังจากลงมือฆ่าเหยื่อแล้ว สิ่งแรกที่แอม มักจะลงมือทำคือ การทำลายหลักฐานอำพรางคดี ให้ยากต่อการแกะรอย สอดคล้องกับพยานวัตถุ โทรศัพท์มือถือของผู้ตาย ที่ตรวจยึดได้จากแอม
นอกจากนี้ ยังพบว่า แอมมักเลี่ยงที่จะติดต่อสื่อสารกับเหยื่อ ผ่านสัญญาณโทรศัพท์โดยตรง แต่จะใช้การโทร หรือแชตสนทนา ผ่านแอปพลิเคชันสื่อสังคมออนไลน์เป็นช่องทางหลัก เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม จากพยานวัตถุ ประจักษ์พยาน หลักฐานต่างๆ รวมไปถึงพยานแวดล้อม ที่บอกเล่าพฤติกรรมผู้ต้องหา มูลเหตุแรงจูงใจต่างๆ ที่ปรากฎขึ้นนั้น ล้วนสอดคล้องเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ส่งผลให้เกิดประโยชน์ต่อรูปคดี ช่วยเพิ่มน้ำหนักให้สามารถเรียงร้อยเรื่องราวแต่ละคดีเชื่อมโยงถึงกันได้เป็นอย่างดี
ส่วนประวัติการรักษาตัวของ "แอม" จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่พบว่า เคยเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง โดยพบเป็นผู้ป่วยนอก มารักษาเพียง 3 ครั้ง พบแพทย์ครั้งแรก 13 มิ.ย. 2558 พบแพทย์ครั้งที่ 2 วันที่ 3 ก.ค. 2558 และพบแพทย์ครั้งที่ 3 วันที่ 13 พ.ย. 2561 โดยเป็นการรักษาแบบไม่ได้มาตามนัดของแพทย์
ส่วนสาเหตุหลัก ด้วยอาการวิตกกังกล นอนไม่หลับ เครียดเรื่องเงินกู้ เจ้าอารมณ์ ชอบใช้ความรุนแรงกับสามีและลูก การรักษาแอม แพทย์ให้ยาภาวะการปรับตัวผิดปกติ ไม่ใช่ยาในผู้ป่วยกลุ่มจิตเวช แต่เป็นกลุ่มของอาการวิตกกังวลเท่านั้น