ข่าว

ด่วน ศาลฎีกา พิพากษายืน ประหารชีวิต 'ผอ.กอล์ฟ' กราดยิง ชิงทอง กลางห้างดังปี 63

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ศาลฎีกา พิพากษายืน ตามศาลอุทธรณ์ สั่ง ประหารชีวิต 'ผอ.กอล์ฟ' ก่อเหตุ กราดยิง ชิงทอง กลางห้างดัง จ.ลพบุรี เมื่อปี 2563

เมื่อเวลา 09.30 น. ที่ห้องพิจารณา 903 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลฎีกา ได้อ่านคำพิพากษา คดีหมายเลขดำที่ อ.300/2564 ที่พนักงานอัยการคดีอาญา 6 และบริษัท ออโรร่า ดีไซน์ และผู้เสียหายอีก 10 ราย ร่วมกันเป็นโจทก์ฟ้อง นายประสิทธิชัย เขาแก้ว หรือ “ผอ.กอล์ฟ” อดีตผู้อำนวยการโรงเรียนประถมแห่งหนึ่งใน จ.สิงห์บุรี กรณีก่อเหตุใช้อาวุธปืน กราดยิง ชิงทรัพย์ ร้านทองออโรร่า ในห้างสรรพสินค้าโรบินสัน จ.ลพบุรี เมื่อปี 2563

 

 

โดยล่าสุด ศาลฎีกา มีคำพิพากษายืน สั่งประหารชีวิต “ผอ.กอล์ฟ” เนื่องจาก เป็นคดีอุกฉกรรจ์ ร้ายแรง โดยเฉพาะจำเลย เป็นถึงผู้อำนวยการโรงเรียน ไม่มีเหตุผลสมควรลดโทษ

 

ผอ.กอล์ฟ

อัยการโจทก์ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 20 ก.พ. 2563  ระบุ พฤติการณ์ความผิดว่า เมื่อวันที่ 9 ม.ค. 2563 จำเลย ซึ่งมีอาวุธปืน ออโตเมติก ขนาด 9 มม. ติดท่อเก็บเสียง 1 อัน ซองกระสุนปืนพร้อมเครื่องกระสุน ได้นำอาวุธ พร้อมเครื่องกระสุนเข้าไปภายในห้างสรรพสินค้าโรบินสัน สาขาลพบุรี แล้วยิง นายธีระฉัตร นิ่มมา พนักงานรักษาความปลอดภัย (รปภ.) ของห้าง รวมทั้ง ประทุษร้ายบุคคลทั่วไปจนเป็นเหตุให้ เด็กชายภาณุวิชญ์ วงศ์อยู่ และ น.ส.ธิดารัตน์ ทองทิพย์ พนักงานร้านทองจนถึงแก่ความตาย และ จำเลยยังได้ยิงบุคคลอื่นอีก 4 คน ได้รับบาดเจ็บสาหัส ก่อนชิงสร้อยคอทองคำ น้ำหนักเส้นละ 1 บาท จำนวน 22 เส้น น้ำหนักเส้นละ 2 สลึง อีก 11 เส้น รวม 33 เส้น เป็นเงินทั้งสิ้น 664,470 บาท ของบริษัท ออโรร่าดีไซน์ จำกัด ผู้เสียหายไปโดยทุจริต ก่อนขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป

 

 

ต่อมาตำรวจสืบสวนสอบสวนติดตามจับกุมตัวจำเลยได้ พร้อมของกลางหลายรายการ และให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ท้ายคำฟ้อง อัยการโจทก์ ขอคัดค้านการประกันตัวจำเลย เนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูงเกรงว่าจะหลบหนี และขอให้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยตามความผิด ทั้งให้ จำเลยคืนสร้อยคอทองคำ น้ำหนัก 2 สลึง จำนวน 1 เส้น ราคา 12,300 บาท และจี้ทองคำรูปหัวจรวด น้ำหนัก 1 กรัม ราคา 1,565 บาท หรือใช้ราคาทรัพย์รวมเป็นเงิน 13,955 บาท แก่ผู้เสียหาย บริษัท ออโอร่าดีไซน์ จำกัด ด้วย

 

คดี ผอ.กอล์ฟ ชิงทอง ห้างดัง

 

ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือแล้ว มีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า  จำเลยยื่นฎีกา ขอให้ศาลลดโทษ โดยอ้างเหตุผลประกอบนั้น ศาลฎีกาเห็นว่า พฤติการณ์ของจำเลยเป็นการกระทำอย่างอุกอาจ ในห้างสรรพสินค้าอันเป็นที่สาธารณะกระทำต่อผู้บริสุทธิ์มีผู้เสียชีวิต 3 คน บาดเจ็บสาหัส 1 คน รวม 4 คน ซึ่งไม่เกี่ยวข้องด้วย อันเป็นพฤติการณ์อุกอาจโหดเหี้ยมอันตรายร้ายแรงผิดมนุษย์ จำเลยเป็นถึงผู้อำนวยการโรงเรียน ควรมีจิตสำนึกที่ดี ให้สมกับมีอาชีพเป็นครู ควรประพฤติตัวให้เป็นเยี่ยงอย่างกลับกระทำอย่างอุกฉกรรจ์ ที่จำเลยขอความปรานีจากศาลเพื่อลดโทษให้  จึงไม่มีเหตุสมควร ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาลงโทษประหารชีวิตจำเลยมานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้นพิพากษายืน

 

 

คดีนี้เมื่อวันที่ 27 ส.ค. 2564 ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาว่า จำเลยมีความตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 (6) ประกอบมาตรา 60, 289 (6) ประกอบมาตรา 80, 289 (7), 339 วรรคสอง วรรคสี่ และวรรคท้ายประกอบมาตรา 340 ตรี, 371, 376, พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พ.ศ.2490, พ.ร.บ.ควบคุมยุทธภัณฑ์ พ.ศ.2530 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดต่างกรรม ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ฐานมีอาวุธปืน จำคุก 8 เดือน , ฐานมียุทธภัณฑ์ไว้ในครอบครอง จำคุก 6 เดือน , ฐานพกพาอาวุธปืนติดตัวไปในหมู่บ้านโดยไม่มีเหตุสมควร จำคุก 3 ปี , ฐานฆ่าผู้อื่นเพื่อตระเตรียมการหรือเพิ่มความสะดวกในการจะกระทำผิดให้ประหารชีวิต , ฐานพยายามฆ่าผู้อื่น จำคุกตลอดชีวิต , ฐานชิงทรัพย์ในเวลากลางคืน เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย โดยมีและใช้อาวุธปืนและโดยใช้ยานพาหนะ เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้ว ให้ลงโทษประหารชีวิตจำเลย สถานเดียว ปรับ 1,000 บาท ริบของกลาง อาวุธปืนและเครื่องกระสุน หมวกโม่งคลุมศีรษะสีดำ รถจักรยานยนต์ยี่ห้อยามาฮ่า เสื้อยืด โทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ใช้กระทำผิด  รวมทั้งให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่บรรดาโจทก์ร่วม ที่ 1 จำนวน 1.8 แสนบาท, ที่ 2 จำนวน 9.9 หมื่นบาท, ที่ 3 จำนวน 1.3 แสนบาท, ที่ 4 จำนวน 2.2 ล้านบาท, ที่ 5 จำนวน 7.5 แสนบาท ที่ 6, 7 และ 8 จำนวน  2.25 ล้านบาท, ที่ 9 และ 10 จำนวน 7.5 แสนบาท

 

ผอ.กอล์ฟ

 

ต่อมาจำเลยยื่นอุทธรณ์ขอลดโทษ ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือเเล้วว่า มีเหตุสมควรลดโทษให้จำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 หรือไม่ เห็นว่าโจทก์และโจทก์ร่วมมีพยานหลักฐานทางวิทยาศาสตร์และพยานแวดล้อมกรณีมาสืบให้รับฟังได้อย่างมั่นคงว่า จำเลยเป็นคนร้ายที่ใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายทั้งสามและผู้เสียหายและชิงทรัพย์สร้อยคอทองคำของโจทก์ร่วมแล้วหลบหนีไป

 

โดยจำเลยมิได้ลุแก่โทษเข้ามอบตัวต่อเจ้าพนักงานและสารภาพความผิด แต่ได้ความว่า เจ้าพนักงานตำรวจต้องรวบรวมพยานหลักฐานทั้งปวงเพื่อขอออกหมายจับจำเลย ลำพังพยานหลักฐานที่โจทก์และโจทก์ร่วมนำสืบมาก็เพียงพอที่จะลงโทษจำเลยได้แล้ว ฉะนั้น การที่จำเลยรับสารภาพเป็นเพราะเกิดจากจำนนต่อหลักฐาน การที่จำเลยชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ได้รับอันตรายสาหัส และฆ่าผู้อื่น เพื่อตระเตรียมการหรือเพื่อความสะดวกในการที่จะกระทำความผิดอย่างอื่น ฆ่าผู้อื่นเพื่อจะเอาหรือเอาไว้ซึ่งผลประโยชน์อันเกิดแต่การที่ตนได้กระทำความผิดอื่น และเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ตนได้กระทำไว้ ลักษณะของการกระทำความผิดจึงเป็นไปโดยอุกอาจ ไม่ยำเกรงต่อกฎหมายบ้านเมือง เป็นการกระทำที่โหดเหี้ยมทารุณ ไร้มนุษยธรรม ก่อให้เกิดผลกระทบต่อความสงบเรียบร้อยของสังคม พฤติการณ์แห่งคดีจึงเป็นเรื่องร้ายแรง ถึงแม้จำเลยชดใช้ความเสียหายเพื่อบรรเทาผลร้ายสำนึกผิด

 

 

หรือ มีคุณความดีดังที่อุทธรณ์ก็ไม่เป็นเหตุผลเพียงพอที่จะสมควรใช้ดุลยพินิจลดโทษให้แก่จำเลยได้ ที่ศาลชั้นต้นให้ลงโทษประหารชีวิตจำเลยโดยไม่ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 นั้นย่อมเหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งรูปคดีแล้ว จึงไม่มีเหตุที่ศาลอุทธรณ์จะเปลี่ยนแปลงแก้ไขอุทธรณ์ของจำเลยฟังไม่ขึ้น พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น จำเลยจึงยื่นฎีกาขอให้ศาลลดโทษ จนกระทั่งนัดอ่านคำพิพากษาครั้งนี้ ทำให้คดีถือเป็นที่สิ้นสุด

 

ย้อนคำสารภาพ อดีต ผอ.กอล์ฟ

 

หลังการจับกุม นายประสิทธิชัย สารภาพว่า นำทองไปทิ้งแม่น้ำเจ้าพระยาที่สะพานบางระจัน ใน จ.สิงห์บุรี แต่เจ้าหน้าที่ค้นหาก็ไม่พบ ต่อมาในเวลา 21.00 น. ภรรยาของประสิทธิชัย ที่ตำรวจเชิญมาสอบสวนได้สารภาพว่าทอง ที่ขโมยมาอยู่ที่บ้านพัก หลังการตรวจพบเจ้าหน้าที่ตำรวจก็พบทองที่ขโมยมา ซ่อนอยู่ในหลังคาโรงรถ ในบ้านของพ่อแม่ของประสิทธิชัย และประสิทธิชัยได้สารภาพว่า ภายหลังก่อเหตุมีความเครียด แต่ต่อมา 3 ถึง 4 วัน ประสิทธิชัยก็ไม่เครียด เนื่องจากจะไปมอบตัวที่สถานีตำรวจท่องเที่ยวลพบุรี ภายใน 1–2 วัน เพราะรู้สึกว่าหลบหนีก็ไม่รอด และ เชื่อว่าหนีไม่รอด เนื่องจากหลักฐานต่างๆ เช่น รถ และกล้องวงจรปิด

 

 

คดีนี้เเถลงปิดคดีเมื่อ 23 ม.ค. 2563 ตำรวจแถลงข่าว นำของกลางที่ยึดมาจากประสิทธิชัย มาจัดแสดงและเปิดโอกาสให้ผู้สื่อข่าวซักถามซึ่งถูกควบคุมตัวอยู่ที่กองปราบปราม ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอร์เรนท์ ซึ่งถือว่าเป็นการโฟนอินผู้ต้องหาเป็นครั้งแรกในประวัติศาตร์ไทย ผอ.กอล์ฟ รับแรงจูงใจว่า เกิดจากปัญหาส่วนตัว ปัญหาการเงิน เเละที่ต้องยิงคน "เป็นการยิงเพื่อขู่หรือยิงเพื่อเปิดทาง"

 

ไม่คิดว่ากระสุนจะไปถูกพนักงานร้านทอง ส่วนการยิง ด.ช.ภาณุวิทย์ อ้างว่า ไม่เห็น คิดว่ากระสุนแฉลบไปถูกเด็ก ไม่ตั้งใจยิงเด็ก ยอมรับอีกว่า การก่อเหตุครั้งนี้ ได้วางแผนไว้ล่วงหน้า 2–3 วัน พร้อมกล่าวว่า  "สำนึกผิด"

 

 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ