ข่าว

รวบแก๊ง 'คอลเซ็นเตอร์' อ้างเป็น ตร.เชียงราย ขู่หมอ-นักธุรกิจโอนเงิน 143 ล้าน

รวบแก๊ง 'คอลเซ็นเตอร์' อ้างเป็น ตร.เชียงราย ขู่หมอ-นักธุรกิจโอนเงิน 143 ล้าน

25 เม.ย. 2566

ตำรวจไซเบอร์ รวบผู้ต้องหาแก๊ง "คอลเซ็นเตอร์" อ้างตัวเป็นตำรวจ สภ.เมืองเชียงราย ขู่หมอ และ นักธุรกิจโอนเงินกว่า 143 ล้านบาท

25 เม.ย. 2566  นายนวกร  (สงวนนามสกุล)  หรือ ขุน ผู้ต้องหา  “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนฯ, ร่วมกันเป็นอั้งยี่ ซ่องโจร, ร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์การอาชญากรรมข้ามชาติ, ร่วมกันโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ฯ และร่วมกันฟอกเงิน” ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1( บก.สอท. 1) จับกุมได้จากบ้านพัก ภายในซอยเพชรสุวรรณ แขวงศิริราช เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ 

 

 

 

 

 

 

ตร.ไซเบอร์ รวบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกหมอ-นักธุรกิจโอน143ล้าน

 

 

สืบเนื่องจากเมื่อช่วงเดือน มิ.ย. 2565 ตำรวจ บก.สอท.1 ได้รับคำร้องจากผู้เสียหาย 2 ราย ว่าถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ อ้างว่าตำรวจระดับสารวัตร ทำหน้าที่พนักงานสอบสวน สภ.เมืองเชียงราย  หลอกให้โอนเงินจากบัญชีธนาคารของผู้เสียหายมาเพื่อตรวจสอบการส่งพัสดุผิดกฎหมาย และข่มขู่ว่าหาก ไม่มีการโอนเงินจะดำเนินการออกหมายจับ ส่งผลให้ผู้เสียหายเกิดความกลัวจึงโอนเงินไปให้

 

ผู้เสียหายซึ่งเป็นแพทย์จาก จ.ชุมพร โอนเงินไปจำนวน 101 ล้านบาท และอีกรายเป็นนักธุรกิจประกอบกิจการพลังงานแสงอาทิตย์ โอนเงินไป 42 ล้านบาท รวมจำนวนเงินความเสียหายทั้งหมด 143 ล้านบาท

 

 

 

ตร.ไซเบอร์ รวบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกหมอ-นักธุรกิจโอน143ล้าน

 

 

จากการสอบปากคำ นายนวกร ผู้ต้องหาให้การว่าขบวนการหลอกลวงทั้งหมดจะมี 3 สายในการโทรหลอกลวงเหยื่อโดยสายแรก เป็นการสุ่มเบอร์โทรเลือกเหยื่อที่น่าจะมีความเป็นไปได้ว่า หลงกลอุบาย ซึ่งเมื่อเหยื่อหลงเชื่อก็จะโอนมายังสายที่สอง 

 

สายที่ 2 เป็นส่วนของตน ทำหน้าที่แอบอ้างว่าเป็นตำรวจ มีการชี้แจงข้อกฎหมายที่เหยื่ออาจถูกดำเนินคดี โดยมีสคริปต์ที่เตรียมไว้ ก่อนจะโอนสายไปยังสายที่ 3 

 

สายที่ 3 เป็น “สายเชือด” ที่จะหลอกให้เหยื่อโอนเงินมาให้ โดยจะได้รับส่วนแบ่ง 4% จากเงินที่หลอกเอามาได้ ซึ่งไม่รวมกับเงินเดือน ส่วนเงินที่เหลือจะเข้าสู่ระบบของขบวนการ

 

นายนวกร ให้ข้อมูลเพิ่มเติมอีกว่า หัวหน้าเครือข่ายเป็นชาวไต้หวัน มีคนไทยเป็นลูกมือ หากทำผลงานไม่ได้ตามเป้าหรือมีพฤติกรรมต่อต้านจะถูกทำร้ายร่างกาย หรือหนักสุด บางคนอาจถูกขายต่อไปให้กับกลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์อีกกลุ่ม โดยนายนวกร อ้างว่า ตนได้หลบหนีออกมาจากเครือข่ายนี้ กลับมาในประเทศประเทศไทยเนื่องจากหมดสัญญา ก่อนจะถูกเจ้าหน้าที่จับกุม