ข่าว

จาก 'ทัวร์ศูนย์เหรียญ' สู่ 'ทัวร์อั้งยี่' ศึกนี้หนักกว่าเดิม

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ธุรกิจท่องเที่ยวไทย ระส่ำอีกครั้ง หลังปัญหา 'ทัวร์ศูนย์เหรียญ' ยังไม่จบดี กลับมามีศึกใหญ่ 'ทัวร์อั้งยี่' ที่ว่ากันว่า รุนแรงกว่าเดิม

ธุรกิจท่องเที่ยวของไทย เคยได้รับผลกระทบจาก “ทัวร์ศูนย์เหรียญ” มาแล้วในช่วงที่ผ่านมา จนเริ่มมีการปราบปรามอย่างจริงจัง แต่ล่าสุด กลับเกิดทัวร์รูปแบบใหม่ ที่ว่ากันว่า ส่งผลกระทบหนักหน่วงกว่า นั่นคือ “ทัวร์อั้งยี่” เพราะทำกันเฉพาะกลุ่มชาวจีนแบบผูกขาด ซึ่งเงินทุกบาททุกสตางค์ ที่นักท่องเที่ยวชาวจีนจ่าย ไม่ตกถึงมือคนไทย แม้แต่แดงเดียว

 

 

 

คมชัดลึก สรุปเส้นทาง จาก “ทัวร์ศูนย์เหรียญ” สู่ “ทัวร์อั้งยี่” ยกระดับทำให้ท่องเที่ยวไทยระส่ำ เพราะนอกจากจะผูกขาดแล้ว ยังมีการเชื่อมโยงถึงเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ และทำธุรกิจผิดกฎหมายในไทย โยงใย “ทุนจีนสีเทา”

 

ทัวร์ท่องเที่ยว

จุดเริ่มต้นทัวร์ศูนย์เหรียญ

 

 

1. ในช่วง 10-15 ปี ที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก โดยเฉพาะจากประเทศจีน พากันหลั่งไหลเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย ด้วยค่าครองชีพต่ำ และความหลากหลายของสถานที่ท่องเที่ยว ที่แตกต่างจากจีน มาประเทศเดียวก็คุ้มแล้ว ซึ่งผลจากการที่เมืองไทยเป็นเมืองท่องเที่ยวยอดนิยม จึงมีสิ่งที่เกิดขึ้นตามมา นั่นคือ “ทัวร์ศูนย์เหรียญ”

 

2. “ทัวร์ศูนย์เหรียญ” คือการที่นักท่องเที่ยวที่ต้องการจะมาเที่ยวเมืองไทย ซื้อทัวร์จากประเทศตนเองในราคาที่ต่ำกว่าต้นทุน ก่อนที่ทัวร์เหล่านั้น จะส่งนักท่องเที่ยวเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย โดยไม่จ่ายค่าธรรมเนียมการนำเที่ยว รวมทั้งมีลักษณะกึ่งบังคับนักท่องเที่ยวไปร้านค้าที่กำหนด ในธุรกิจเครือข่ายของนักลงทุนของชาวจีน

 

3. การปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญ เริ่มตั้งแต่เดือน ส.ค. 2559 ครั้งนั้นเรียกได้ว่า ต้องเสี่ยงกับการหายไปของนักท่องเที่ยวจีน ที่มีมากกว่า 100 ล้านคน โดยรัฐบาลมีมติ ห้ามบริษัททัวร์ ขายทัวร์ในราคาต่ำกว่าต้นทุน ตั้งราคาทัวร์ขั้นต่ำที่ 1,000 บาทต่อคนต่อวัน กำหนดราคารายการนำเที่ยวเสริม ไม่เกิน 3,000 บาทต่อทริป เพื่อป้องกันการโก่งราคาทัวร์

 

4. แม้จะมีการปราบปราม แต่ปัญหาเรื่อง “ทัวร์ศูนย์เหรียญ” เป็นปัญหาที่เกาะกินการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจไทย มาโดยตลอด กวาดล้างอย่างไรก็ไม่หมดสิ้นไปเสียที

 

ทัวร์ท่องเที่ยว

5. “ทัวร์ศูนย์เหรียญ” เริ่มหายไป ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทุกประเทศทั่วโลก รวมทั้งไทยและจีน ต่างปิดประเทศ คนออกเดินทางท่องเที่ยวไม่ได้ ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวต้องปิดตัว ทำให้ “ทัวร์ศูนย์เหรียญ” ต้องชะงักงันไปด้วย

 

6. “ทัวร์ศูนย์เหรียญ” กลับมาอีกครั้ง ภายหลังจากมีการทลายเครือข่ายกลุ่มทุนจีนสีเทา ของ ตู้ห่าว หรือ นายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ มีการยึดทรัพย์สินได้จำนวนมาก ทั้งเครื่องบินส่วนตัว และการเชื่อมโยงถึงคนไทยที่เป็นนอมินี

 

การมาของ “ทัวร์อั้งยี่” แรงกว่า “ทัวร์ศูนย์เหรียญ”

 

7. แต่ช่วงวิกฤตโควิดนั่นเอง ที่ทำให้มีชาวจีนจำนวนมาก อาศัยในประเทศไทย กว้านซื้อที่ดิน ยึดหัวเมืองหลัก เริ่มต้นทำธุรกิจแบบปักหลัก สร้างรากฐาน บริหารงานโดยคนจีน โดยเฉพาะการเปิดร้านอาหาร และภัตตาคาร

 

8. ทัวร์รูปแบบใหม่จึงเกิดขึ้น และส่งผลกระทบมากกว่าเดิม นั่นคือ “ทัวร์อั้งยี่” ที่กินรวบเบ็ดเสร็จผูกขาดโดยกลุ่มทุนจีน 100% ตั้งแต่โรงแรม, ที่พัก, ร้านอาหาร, รถบัสนำเที่ยว, ร้านขายของฝาก ฯลฯ โดยไม่มีบริษัททัวร์ของคนไทยมาข้องเกี่ยวแม้แต่น้อย เรียกว่า ไม่ได้เงินแม้แต่แดงเดียว

 

9. ผูกขาดยังไม่พอ ที่หนักไปกว่านั้น คือมีการนำไกด์ต่างชาติ เข้ามาครั้งละ 60 - 80 คน เพื่อมาทำหน้าที่ไกด์ แทนคนไทย ซึ่งตามกฎหมายเป็นอาชีพที่สงวนไว้ให้แค่คนไทยเท่านั้น จนเกิดปัญหาไกด์เถื่อนตามมา

 

10. นอกจากนั้น “ทัวร์อั้งยี่” มีการเชื่อมโยงถึงเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ และทำธุรกิจผิดกฎหมายในไทย มีการสร้างองค์กรอาชญากรรม มีการแบ่งสรรปันส่วน มีการวางแผน แบ่งงานกันอย่างชัดเจน ครอบคลุมการใช้นอมินีทำธุรกิจในไทย 

 

11. มีการคาดการณ์ว่า ปัญหาทัวร์อั้งยี่-ทัวร์ศูนย์เหรียญ จะทำให้ประเทศไทยต้องสูญเสียรายได้จากการท่องเที่ยวเป็นหลักแสนล้านบาทกันเลยทีเดียว

 

รูปแบบทัวร์

 

ทัวร์ปกติ : นักท่องเที่ยวชาวจีน หรือต่างชาติ ซื้อทัวร์จากประเทศต้นทาง จากนั้น บริษัททัวร์ จะส่งนักท่องเที่ยวมาที่บริษัททัวร์ในประเทศไทย มีการชำระเงินให้กับบริษัททัวร์ไทย อย่างเป็นระบบเรียบร้อย จากนั้น บริษัททัวร์ในประเทศไทย ก็จะนำไปจัดระบบ เป็นค่าโรงแรม ค่าพาเที่ยว ซึ่งเรียกว่า ได้รายได้ทั้งสองฝั่ง

 

“ทัวร์อั้งยี่” หมายถึง การทำธุรกิจทัวร์ที่ผูกขาด และใช้บริการเฉพาะบริษัทที่อยู่ในเครือข่ายของตัวเอง ทั้งโรงแรม ร้านอาหาร รถนำเที่ยว โชว์ ร้านช็อปปิ้ง ไกด์นำเที่ยว ฯลฯ รายได้จากการท่องเที่ยวทั้งหมดกระจุกอยู่เฉพาะในเครือข่ายเท่านั้น ไม่กระจายถึงกลุ่มผู้ประกอบการคนไทย 

 

ทั้งนี้ ตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ ในเรื่องการว่าจ้างมัคคุเทศก์ (ไกด์) ท้องถิ่น ระบุว่า บริษัททัวร์ที่จะพานักท่องเที่ยวเข้าไปในแหล่งท่องเที่ยวท้องถิ่นต่างๆ จะต้องว่าจ้างคนในท้องถิ่นเป็นไกด์นำเที่ยวด้วยทุกครั้ง ควบคู่กับไกด์หลักที่ดูแลในกรุ๊ป เพื่อให้เกิดการกระจายรายได้เข้าสู่ท้องถิ่น

 

ทัวร์ศูนย์เหรียญ หรือ Zero-Dollar Tour หมายถึง คณะนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทย โดยซื้อทัวร์จากประเทศของตนเองในราคาที่ต่ำกว่าต้นทุน ก่อนที่บริษัททัวร์เหล่านั้น จะส่งลูกทัวร์ทั้งกรุ๊ปมาให้บริษัททัวร์ในประเทศไทย โดยที่ไม่ต้องจ่ายค่าทัวร์แฟร์ อันเป็นค่าใช้จ่ายในการพาเที่ยว ที่เก็บมาจากลูกทัวร์ให้กับเอเยนต์ฝ่ายไทยเลยแม้แต่เหรียญเดียว (จึงเป็นที่มาของคำว่า “ศูนย์เหรียญ” คือ ไม่เก็บเงินค่าทัวร์เลยแม้แต่เหรียญดอลล่าร์เดียว)

 

เมื่อเงินไม่เข้า บริษัททัวร์ ซึ่งเป็นตัวแทน ก็จะมีวิธีเรียกเงินเพื่อคืนทุนจากนักท่องเที่ยวสารพัดวิธี ไม่ว่าจะเป็นการพาไปดูโชว์ลามก หรือการพานักท่องเที่ยวไปในสถานที่ต่างๆ ที่ต้องจ่ายเงินในราคาที่แพงกว่าปกติ เช่น ร้านอาหาร ร้านขายสินค้าที่ระลึก โดยอาจมีการหลอกขายเครื่องประดับในราคาที่แพงกว่าหลายเท่า เพื่อเรียกทุนคืน และรีดไถเอากำไรในส่วนต่างที่ไม่สมควรจะเรียกเก็บ หากนักท่องเที่ยวไม่ยอมจ่าย หรือจ่ายน้อย ก็จะถูกหลอกล่อ หรือกดดันด้วยวิธีต่างๆ ซึ่งบางครั้งอาจร้ายแรงจนถึงขั้นลอยแพทิ้งนักท่องเที่ยวเลยก็มี

 

ทัวร์ kickback (KB) คือ บริษัททัวร์ในเมืองไทย ไปซื้อจำนวนหัวนักท่องเที่ยวจากบริษัททัวร์จีน เช่น 100 คน คนละ 5,000 บาท บริษัทจีนก็จะส่งนักท่องเที่ยวเข้ามา โดยบริษัทของไทยจะรับจ่ายค่าที่พัก ค่าทัวร์ แล้วก็พาลูกทัวร์ไปช้อปปิ้ง ดูโชว์ และหากำไรจากรายการเหล่านี้เพิ่มเติม

 

ซึ่งก็มีพฤติกรรมคล้ายๆ กับทัวร์ศูนย์เหรียญ รวมทั้งอาจจะมีการขายสินค้าเกินราคา หรือไม่ได้มาตรฐาน เพื่อทำกำไรให้คุ้มกับค่าใช้จ่าย

 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ