ชนสนั่น 'สองแถว' พุ่งชนท้าย 'รถเมล์สาย 8' ริมถนนเสรีไทย บาดเจ็บรวม 13 ราย

ร.ต.อ.เกียรติศักดิ์ สุขแทน รองสว.(สอบสวน) สน.บึงกุ่ม รับแจ้ง อุบัติเหตุ รถชนมีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก เหตุเกิดบริเวณปากซอยเสรีไทย 29 ถนนเสรีไทย แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม กทม.

ที่จุดเกิดเหตุ บริเวณถนนเสรีไทย ฝั่งขาออก ใกล้กับปากซอยเสรีไทย 29 ที่ช่องทางการจราจรซ้ายสุด พบรถโดยสารร่วมบริการขนาดเล็ก หรือ 'สองแถว' สาย 1538 ยี่ห้ออิซูซุ ดีแมกซ์ สีน้ำตาล วิ่งจากเดอะมอลล์บางกะปิ-หมู่บ้านเอื้ออาทรบึงกุ่ม สภาพกระโปรงหน้ายับหลังคาและกระจกหน้ายุบอัดท้ายกับ 'รถเมล์สาย 8' วิ่งระหว่าง แฮปปี้แลนด์-สะพานพุทธ ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 13 ราย

 

นอกจากนี้ยังพบรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า คลิ๊ก สีน้ำเงิน สภาพแหลกเละเป็นเศษเหล็ก มีร่างของ นายประมวล มาดี อายุ 40 ปี พนักงานขับรถไรเดอร์ ร่างเข้าไปติดอยู่ใต้ท้อง 'รถเมล์สาย 8' ที่บริเวณล้อหลังด้านซ้าย เจ้าหน้าที่รีบนำตัวส่งโรงพยาบาลนพรัตน์เพื่อรักษาอาการด่วน โดยในที่นั่งคนขับ รถสองแถว' คันดังกล่าวพบร่างของ นายนทีทักษ์ ศรีไสยเพชร อายุ 65 ปี เป็นคนขับ นอนหมดสติอยู่ร่างอัดติดอยู่ในรถ เจ้าหน้าที่ต้องรีบนำร่างส่งโรงพยาบาลลาดพร้าว

 

 

นอกจากนี้ ยังผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นผู้โดยสารนั่งรถสองแถวอีก 11 คน เจ้าหน้าทีเร่งนำตัวส่งโรงพยาบาลลาดพร้าว และโรงพยาบาลนวมินทร์ 9

 

 

พยานที่เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า นายนทีทักษ์ ซึ่งขับ รถสองแถว พร้อมผู้โดยสาร เคลื่อนมาตามเส้นทางช่องทางทางซ้าย เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุ นายนทีทักษ์เกิดอาการวูบ หมดสติ รถสองแถวพุ่งชนอัดรถจักรยานยนต์ของนายประมวล ก่อนพุ่งชนอัดท้ายกับ รถเมล์สาย 8 ที่จอดอยู่ริมถนน โดยร่างของนายประมวล คนขับไรเดอร์ ถูกแรงกระแทกเข้าไปติดอยู่ใต้ท้องรถเมล์สาย 8 

 

 

 

ด้าน นายพัฒพงษ์ แก้วพูน อายุ 35 ปี คนขับ รถเมล์สาย 8 ให้การว่า ตนจอดรถติดเครื่อง เพื่อนับเงินค่าโดยสาร ตั้งใจว่าจะนำเงินไปฝากกับทางร้านสะดวกซื้อ ที่ปากซอยเสรีไทย 29 แต่จู่ๆ มีเสียงดังสนั่นจากด้านท้ายรถ ตัวเองถึงกับรู้สึกสั่นสะเทือน เมื่อลงมาดูก็พบว่าเกิดอุบัติเหตุรถชนที่เกิดขึ้น

 

 

ด้าน พนักงานสอบสวน ยังต้องรอไปสอบสวนผู้บาดเจ็บ ทั้งคนขับ รถจักรยานยนต์ คนขับรถสองแถว รวมถึงผู้โดยสารที่ยังรักษาตัว อยู่ที่โรงพยาบาล แต่เบื้องต้นได้แจ้งดำเนินคดีกับ นายพัฒพงษ์ คนขับ รถเมล์สาย 8 ในข้อหา จอดรถกีดขวางการจราจร ตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก ลงโทษปรับ 500 บาท และเร่งตรวจสอบกล้องวงจรปิด บริเวณจุดเกิดเหตุเพื่อนำข้อมูลมาประกอบสำนวนในการดำเนินคดีตามกฎหมาย