ข่าว

บิ๊กโจ๊ก' ประสานจีนส่ง 3 คนร้าย 'อุ้มฆ่า น.ศ.สาวจีน' ดำเนินคดีในไทย

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

'บิ๊กโจ๊ก' เผยตำรวจจีนขอหลักฐานคดี 'อุ้มฆ่านศ.จีน' พร้อมขอดูจุดเกิดเหตุ-สอบปากคำนางนกต่อสาวไทยประกอบสำนวนคดี 3 ผู้ต้องหาจีน ชี้ขอตัวนำกลับมาดำเนินคดีไทยยาก เหตุข้อหาจีนลงโทษหนักถึงขั้นประหารชีวิต จ่อทำหนังสือทางการขอดำเนินคดีให้ไทยด้วย

11 เม.ย.2566 พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) เปิดเผยว่าได้ประสานทางการจีนขอตัวผู้ต้องหาคดีฆาตกรรม น.ส.จิน ซ่าน นักศึกษาสาวจีนไปเรียกเงินค่าไถ่จำนวน 2.5 ล้านบาท โดยมีหญิงไทยเป็นนางนกต่อ ภายหลังตำรวจจีนได้จับกุมคนร้ายทั้ง 3 คน ที่หลบหนีออกนอกประเทศตั้งแต่วันที่ 30 มี.ค. ที่ผ่านมาภายหลังก่อเหตุได้ 

 

 

 

 

 

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.

 

 

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์  เปิดเผยว่า 3 ผู้ต้องหาชาวจีน ที่ตำรวจไทยต้องการตัวกลับมาดำเนินคดีในประเทศไทย เนื่องจากกระทำความผิดในราชอาณาจักรไทย จึงมีความประสงค์ดำเนินคดีที่ไทย พร้อมยอมรับอาจมีความเป็นไปได้ยากเนื่องจากข้อหาคนจีนฆ่าคนจีนด้วยกัน แม้จะเกิดนอกแผ่นดินจีน ทางการจีนมีบทลงโทษสถานหนักถึงขั้นประหารชีวิต แต่จะทำหนังสือเป็นทางการขอดำเนินคดีในประเทศไทย ซึ่งทางการจีนก็สามารถดำเนินคดีที่ประเทศจีนได้เช่นกัน

 

สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หลังจากที่ตำรวจได้พบศพหญิงไม่ทราบชื่อ ถูกนำมาทิ้งที่ บริเวณริมคลองริมป่าบัว ต.บางแม่นาง อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี พื้นที่รับผิดชอบ สภ.บางแม่นาง ต่อมาทางด้านพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่สืบสวนติดตามสืบสวนหาตัวคนร้ายในคดีนี้

 

 

น.ศ.สาวจีนถูกพบเป็นศพ หลังคนร้ายชาวจีนอุ้มไปเรียกค่าไถ่

 

 

ต่อมา ทราบว่าผู้เสียชีวิต คือ น.ส.จิน ซ่าน นักศึกษาชาวจีน ที่ถูกกลุ่มคนร้าย ติดต่อ ส่งข้อมูลภาพถ่ายของผู้ตายไปยังผู้ปกครองที่ประเทศจีน เพื่อเรียกค่าไถ่เป็นจำนวนเงิน 500,000 หยวน หรือเป็นเงินไทยจำนวน 2,500,000 บาท แต่ผู้ปกครองไม่ยอมโอนเงินให้ สุดท้ายถูกฆ่าเสียชีวิต และนำศพไปทิ้ง

 

ตำรวจชุดสืบสวน จึงได้สืบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน จนทราบว่า ผู้ก่อเหตุในคดีนี้ คือ

1.นายโจว เผิงเฟย อายุ 24 ปี สัญชาติจีน เพื่อนชายคนสนิทของผู้เสียชีวิต

2.นายเฉิน ไซคัง  อายุ 23 ปี สัญชาติจีน

3.นายโจว เซี่ยงเฟย อายุ 23 ปี สัญชาติจีน

 

 

ผู้ต้องหาชาวจีน ถูกจับกุมได้หลังก่อเหตุฆ่า น.ศ.สาวจีน

 

 

 

 

หลังก่อเหตุได้เดินหลบหนีออกนอกประเทศไทย และถูกตำรวจจีนจับกุมได้ที่ มณฑลหูเป่ย โดยทางพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ได้ส่งทีมสอบสวน สตม. เพื่อนำหลักฐานและให้ข้อมูลกับทางการจีน เพื่อซักถามผู้ต้องหาชาวจีน ทั้ง 3 คน และนำลายพิมพ์นิ้วมือ ส่งมายัง พนักงานสอบสวน สภ.บางแม่นาง เพื่อเปรียบเทียบลายนิ้วมือแฝง ที่พบใน สถานที่เกิดเหตุ

 

 

สาวไทยร่วมแก๊งอุ้มฆ่า น.ศ.จีน ถูกจับตัวได้และนำตัวไปฝากขัง

 

 

จากการสอบสวนผู้ต้องหาชาวจีนได้รับสารภาพว่า ได้ร่วมกันกระทำความผิดจริง และอ้างว่ามีหญิงไทยทำงานในร้านคาราโอเกะ ย่านอินทามระ ให้ความร่วมมือ โดยได้รับเงินค่าจ้างในการให้คำแนะนำเป็นจำนวนเงิน 40,000 บาท เพื่อให้ติดต่อกับผู้เสียชีวิต โดยหญิงคนไทยแนะนำให้ชาวจีนไม่ก่อเหตุเหตุที่โรงแรมหรือรีสอร์ท เนื่องจากมีกล้องวงจรปิดที่อาจเป็นหลักฐานได้

 

ส่วนสาเหตุในการลงมือสังหาร ผู้ต้องหาไม่ยอมให้การแต่ยืนยันว่า ไม่มีผลต่อสำนวนคดี เนื่องจาก ตำรวจมีหลักฐานสมบูรณ์แล้ว จากการสอบปากคำ ผู้ต้องหาพบว่านายโจว เผิงเฟย เพื่อนชายคนสนิท เป็นคนเริ่มลงมือสังหารก่อน โดยมีเพื่อนชายชาวจีนอีก 2 คน ให้ความร่วมมือ

 

สำหรับผู้ต้องหาทั้งหมดถูกแจ้งข้อหา “ร่วมกัน เอาตัวบุคคลอายุกว่า 15 ปี ไปโดยใช้อุบายหลอกลวง ขู่เข็ญ ใช้กำลังประทุษร้ายหรือวิธีการข่มขืนใจด้วยประการอื่นใด หน่วงเหนี่ยวหรือกักขังบุคคลใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกายซึ่งให้ได้มาซึ่งค่าไถ่ เป็นเหตุให้ผู้ถูกเอา ตัวไปถูกหน่วงเหนี่ยวกักขัง นั้นถึงแก่ความตาย ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนโดยปกปิดความผิดของตน หรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดที่ตนกระทำไว้ โดยไม่มีเหตุอันควร ร่วมกันทำให้เสียหายหรือเคลื่อนย้าย ทำลาย ซ่อนเร้น ยักย้าย ทำให้เสื่อมค่าหรือทำให้ไร้ประโยชน์ ซึ่งศพหรือสวนของศพ เพื่อปิดบังการตาย หรือเหตุ แห่งการตาย และร่วมกันลักทรัพย์

 

จากการขยายผลพบหญิงไทย อายุ 19 ปี  เข้าไปเกี่ยวข้องกระทำผิด เบื้องต้นถูกแจ้งข้อหา ร่วมกัน เอาตัวบุคคลอายุกว่า 15 ปี ไปโดยใช้อุบายหลอกลวง ขู่เข็ญ ใช้กำลังประทุษร้ายหรือวิธีการข่มขืนใจด้วยประการอื่นใด หน่วงเหนี่ยวหรือกักขังบุคคลใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกายซึ่งให้ได้มาซึ่งค่าไถ่ เป็นเหตุให้ผู้ถูกเอา ตัวไปถูกหน่วงเหนี่ยวกักขัง นั้นถึงแก่ความตาย ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนโดยปกปิดความผิดของตน หรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดที่ตนกระทำไว้ โดยไม่มีเหตุอันควร ร่วมกันทำให้เสียหายหรือเคลื่อนย้าย ทําลาย ซ่อนเร้น ยักย้าย ทำให้เสื่อมค่าหรือทำให้ไร้ประโยชน์ ซึ่งศพหรือสวนของศพ เพื่อปิดบังการตาย หรือเหตุแห่งการตาย

 

และขณะนี้อยู่ระหว่างสืบสวนสอบสวนรายละเอียดเกี่ยวกับการกระทำความผิดในคดีนี้เพิ่มเติม

 


 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ