ข่าว

'นพ.ม.ร.ว.ทองทิศ' ปัดเอี่ยวร่วมแก๊งปลอมเอกสารเบิกเงิน 176 ล้าน

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

'นพ.ม.ร.ว.ทองทิศ' ปัดเอี่ยวร่วมแก๊งปลอมเอกสารเบิกเงิน 176 ล้าน และแก๊งจีนอุ้มบุญข้ามชาติ แจงได้รับติดต่อจากบุคคลอ้างเป็นนักธุรกิจ ชาวจีน-กัมพูชา สนใจร่วมลงทุนโครงการสุขภาพ พร้อมพิสูจน์ตามขั้นตอนกฎหมาย

นพ.ม.ร.ว.ทองทิศ ทองใหญ่ พร้อมด้วยนายวันชัย สอนศิริ ทนายความ ชี้แจงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับแก๊งข้ามชาติ ปลอมแปลงเอกสารเบิกเงินจำนวน 176 ล้าน ยืนยันไม่มีส่วนรู้เห็น หรือร่วมในการกระทำความผิดตามที่ถูกกล่าวหา โดยที่ผ่านมาหลงเชื่อและถูกหลอกใช้เป็นเครื่องมือให้เป็นธุระช่วยติดต่อธนาคารเพื่อให้ชายชาวจีนเชื้อสายกัมพูชา นำเอกสารปลอมไปเบิกเงินจำนวน 176 ล้าน จนถูกจับกุม 


นพ.ม.ร.ว.ทองทิศ ระบุว่า ตนมีโครงการจัดสร้างงศูนย์ดูแลสุขภาพแบบองค์รวม (INNOVETIVE WELLNESS CENTER)บริเวณสะพานพระราม 7 กทม. ซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่แห่งยุคสมัยเพื่อคุณ ภาพชีวิตที่ดี อายุยืนยาวของคนไทยและชาวต่างชาติ ที่มาใช้บริการ ทั้งการรักษาโรคมะเร็ง การดูแลผู้สูงอายุ การรักษาภาวะมีบุตรยาก ซึ่งเป็นโครงการขนาดใหญ่ต้องใช้เงินจำนวนมาก จึงต้องหาผู้ร่วมทุน และองค์กรต่างๆ มาร่วมสนับสนุน ตามเงื่อนไขที่จะต้องเจรจาและทำสัญญากัน

 

 

 

นพ.ม.ร.ว.ทองทิศ ทองใหญ่ ยืนยันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแก๊งปลอมเอกสารเบิกเงิน176 ล้าน

 

 

ในระหว่างการหาผู้ร่วมลงทุนนั้น มีคนแนะนำให้รู้จักคนไทย ที่อ้างตัวเป็นนักธุรกิจ ทำธุรกิจกับชาวจีนเชื้อสายกัมพูชา ชื่อนายหวัง  พำนักอยู่ในไทย จึงมีความสนใจต้องการนำเงินมาร่วมลงทุนโครงการดังกล่าว เกี่ยวกับธุรกิจเสริมความงามและรักษาผู้มีบุตรยาก ซึ่งตนไม่เคยพบและไม่เคยรู้จักนายหวังมาก่อน

 

นายหวังและกลุ่มบุคคลอีก 3 คนที่เกี่ยวข้องแจ้งว่า เงินที่จะนำมาร่วมลงทุนกับโครงการด้วยนั้น อยู่ในบัญชีที่เปิดไว้กับธนาคารแห่งหนึ่ง สาขาอยู่ย่านสุขุมวิท จำนวน 176 ล้านบาท แต่ติดปัญหาไม่สามารถถอนเงินได้ เนื่องจากสมุดบัญชีธนาคาร และหนังสือเดินทางหรือพาสปอร์ตของนายหวังหายไป  ตนและกลุ่มที่เกี่ยวข้องอีก 3 คน ซึ่ง 1 ในจำนวนนี้มีลูกชายอดีตอธิบดีกระทรวงมหาดไทยรวมอยู่ด้วย จึงไปปรึกษากับทางธนาคารสาขาที่นายหวังอ้างว่าได้เปิดไว้  โดยที่นายหวังไม่ได้เดินทางมาด้วย ทางธนาคารแจ้งว่า การจะถอนเงินฝากได้ นายหวังต้องมาด้วยตนเองเพื่อเปิดบัญชีใหม่ และต้องมีพาสปอร์ตเล่มใหม่ที่ทำอย่างถูกต้องจากสถานฑูต หรือกระทรวงการต่างประเทศของกัมพูชา

 

ตนจึงแจ้งนายหวัง ให้กลับไปดำเนินการจัดทำพาสปอร์ตเล่มใหม่ให้ถูกต้อง แล้วกลับมาที่ธนาคาร เพื่อทำสมุดบัญชีเล่มใหม่แทนเล่มเก่า ตามคำแนะนำของผู้จัดการธนาคาร  ต่อมาอีก 3 สัปดาห์ ได้รับการติดต่อจากคนรู้จักกลุ่มเดิมให้ร่วมเดินทางไปที่ธนาคาร ซึ่งนายหวังจะเดินทางมาเจอด้วย 

 

เมื่อถึงธนาคาร นายหวังได้ยื่นเอกสารทั้งหมดให้เจ้าหน้าที่ธนาคารตรวจสอบ เวลาผ่านไปพักใหญ่ เจ้าหน้าที่ธนาคารบอกว่า พาสปอร์ตและตราประทับการเข้าเมืองเป็นของปลอม ในเวลาเดียวกันนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ทองหล่อ ประมาณ 20 นายได้เข้าควบคุมตัวนายหวัง รวมทั้งตนและพวก ไปที่โรงพักเพื่อดำเนินคดี

 


 

นพ.ม.ร.ว.ทองทิศ ทองใหญ่ ยืนยันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแก๊งปลอมเอกสารเบิกเงิน176 ล้าน

 

 

ตนตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และไม่สบายใจที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับคดีความ โดยที่ไม่ได้รู้เห็นกับการปลอมแปลงเอกสารหนังสือเดินทาง เอกสารการเข้าเมืองทางบก ตราประทับตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดตราดเป็นของปลอม แต่ถูกตำรวจตั้งข้อหาร่วมกันพยายามลักทรัพย์ และใช้ตราสัญลักษณ์ปลอม ซึ่งตนได้ให้การกับพนักงานสอบสวน ไปตามข้อเท็จจริง

 

ส่วนที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ให้ข่าวกับสื่อว่า นายหวังเป็นแก๊งยาเสพติดคนจีน มีหมายจับที่ทางการจีนต้องการตัว ตนเห็นว่า ผู้กระทำผิดต้องถูกดำเนินคดี ต้องได้รับโทษตามกระบวนการยุติธรรม และต้องกำจัดให้หมดสิ้นหรือลดน้อยลงเพื่อจะได้ไม่ไปสร้างความเสียหายต่อสังคมไทยและผู้ที่หลงเชื่อ

 

ส่วนกรณีที่สื่อได้นำเสนอข่าวว่า ตนถูกดำเนินคดีเรื่องอุ้มบุญ โยงใยไปเกี่ยวพันกับชาวจีนผิดกฎหมายนั้น นพ.ม.ร.ว.ทองทิศ  ยืนยันว่า ข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริงทั้งสิ้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้ามาขอตรวจสอบที่คลินิกแล้ว ซึ่งตนให้ความร่วมมือทุกอย่าง พร้อมส่งเอกสารหลักฐานตามที่เจ้าหน้าที่ร้องขอทั้งหมดไป ซึ่งตำรวจก็ไม่ได้ตั้งข้อหาเรื่องการทำอุ้มบุญผิดกฎหมาย จึงขอชี้แจงให้สังคมได้เข้าใจ และขอสื่อช่วยแก้ไขข่าวให้ตรงกับความจริงด้วย

 

นพ.ม.ร.ว.ทองทิศ ระบุว่าข้อหาที่ตำรวจ สน.ทองหล่อง แจ้งกับตนนั้นเป็น ข้อหา“ร่วมกันพยายามลักทรัพย์ และใช้ตราสัญลักษณ์ปลอม” จึงขอต่อสู้คดีตามกระบวนการยุติธรรม โดยมีทนายความเป็นผู้ดำเนินการในขั้นตอนต่างๆ  มีเอกสารและหลักฐานทั้ง คลิปวีดิโอในการพูดคุยทุกอย่างกับทางธนาคาร พร้อมพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองตามกระบวนการยุติธรรม การหลงกล เข้าไปติดกับดักของแก๊งที่กระทำผิดกฎหมายเกิดจากความซื่อ เชื่อใจคนง่ายเกินไป

 

สำหรับกลุ่มคนที่เกี่ยวข้องอีก 3 คนซึ่งถูกตั้งข้อหานั้น ตนไม่อาจรับรองความสุจริตให้กับใครได้ ความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ครั้งนี้ได้สร้างความเดือดร้อน ความทุกข์ และความเสื่อมเสียชื่อเสียงต่อเกียรติยศเป็นอย่างมาก เป็นประสบการณ์และบทเรียนชีวิตราคาแพงที่จะต้องระมัดระวัง และถือเป็นอุทธาหรณ์ให้กับคนในสังคม ซึ่งปัจจุบันมีการหลอกลวง ต้มตุ๋นรูปแบบต่างๆมากมายปรากฏเป็นข่าวดังที่รับทราบกันอยู่ ส่วนโครงการจัดสร้างศูนย์ดูแลสุขภาพแบบองค์รวม จะยังดำเนินการต่อไป เพื่อให้สิ่งที่ตั้งใจไว้ประสบผลสำเร็จ

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ