ให้ออกจากราชการแล้ว จนท.เขตสุดฉาวเรียก 'สินบน' 3 ล้าน เลี่ยงจ่ายภาษี

แวดวงข้าราชการ สังกัดกรุงเทพมหานคร (กทม.)  เกิดเรื่องอื้อฉาวเมื่อเจ้าหน้าที่ระดับหัวหน้าฝ่าย เรียกรับเงินสินบนจำนวน 3 ล้านบาท จากผู้ประกอบการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์  แต่สุดท้ายไม่รอดถูกตำรวจ ปปป. ซ้อนแผนรวบได้คาหนังคาเขาพร้อมหลักฐาน 

 

ต้นสังกัดกรุงเทพมหานคร ต้องออกคำสั่งด่วนให้ออกจากราชการไว้ก่อน  เพราะคดีนี้ต้องถูกดำเนินคดีทางอาญาแล้ว ยังต้องถูกสอบสวนทางวินัยอีกด้วย 

 

 

 

 

 

 

คมชัดลึก สรุปที่มาที่ไปของเรื่องให้เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น จนท.ระดับหัวหน้าฝ่าย จึงถูกจับกุมตัว 

 

1.ผู้ประกอบการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ (ผู้เสียหาย) ได้รับการแจ้งเตือนจาก จนท.สำนักงานเขตราชเทวีรายหนึ่งว่า ให้ดำเนินการชำระภาษีโรงเรือน และที่ดิน เป็นจำนวนเงินกว่า 40 ล้านบาท แต่หากยอมจ่ายเงินให้กับ จนท.คนดังกล่าวเป็นจำนวน 3 ล้านบาท จะเก็บเรื่องดังกล่าวไว้ และไม่ต้องชําระเงินภาษีจํานวน 40 ล้านบาท

 

2.ต่อมา จนท.คนดังกล่าว ขอเพิ่มจำนวนเงินค่าดำเนินการเป็น 3.5 ล้านบาท โดยอ้างว่าต้องเอาไปแบ่งกรรมการคนอื่นอีกหลายท่าน จนมีการต่อรองราคาลดลงเหลือ 3.2 ล้านบาท ซึ่งผู้เสียหายมองว่า พฤติกรรมเช่นนี้ถือเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม และ ตัวของผู้เสียหายเอง ก็พร้อมที่จะจ่ายภาษีถูกต้องตามกฎหมาย จึงตัดสินใจนำเรื่องเข้าร้องขอให้มีการตรวจสอบ

 

3. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผู้บังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ผบก.ปปป.) เมื่อทราบเรื่อง สั่งการให้จัดกำลังลงพื้นที่หาเบาะแส และวางแผนให้ผู้เสียหายนำเงินไปส่งมอบให้ จนท.ที่เรียกรับเงิน โดยนัดหมายส่งมอบกันที่โรงแรมแห่งหนึ่งในพื้นที่พญาไท

 

 

 

 

 

 

4. 4 เม.ย. 2566 เมื่อถึงเวลานัดหมาย จนท.คนดังกล่าว ทราบชื่อนายประมวล (สงวนนามสกุล) อายุ 57 ปี หัวหน้าฝ่ายรายได้ สำนักงานเขตราชเทวี  ได้ขับรถยนต์ของสำนักงานเขต เดินทางมาที่นัดหมาย เพื่อรับส่งมอบเงิน เมื่อเห็นว่ามีเรียกรับเงินจริง ตำรวจ ปปป.จึงแสดงตัวเข้าทำการจับกุมพร้อมเงินของกลาง

 

 

 

 

5. ตำรวจสอบปากคำเบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ อ้างว่าไม่ทราบว่าสิ่งของที่อยู่ในซองเอกสารเป็นเงินสด คิดว่าเป็นเพียงเอกสารเท่านั้น  ตำรวจไม่ปักใจเชื่อ จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน ปปป. พร้อมแจ้งข้อกล่าวหาความผิดฐาน “เป็นเจ้าพนักงานเรียกรับทรัพย์สินหรือประโยชน์โดยมิชอบเพื่อกระทําการมิชอบด้วยหน้าที่ ,เป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ” 

 

 

 

 

6. นายเฉลิมพล โชตินุชิต รองปลัดกรุงเทพมหานคร ระบุว่ากรณีนี้นอกจากมีการดำเนินการทางอาญาโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว ในส่วนของการดำเนินการทางวินัย กทม. ในฐานะหน่วยงานต้นสังกัดของนายประมวล ผู้ต้องหา ได้สั่งตั้งกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง และเบื้องต้นให้ออกจากราชการไว้ก่อน