เหยื่อ 'คลินิกเสริมความงาม' แม่ค้าออนไลน์คนดัง ร้อง บช.น.ปีกว่าคดีไม่คืบ

พ.ต.อ.อนุสรณ์ วะยาคำ ทนายความ พร้อมผู้เสียหายจากการเสริมความงามใบหน้าจากคลินิกเสริมความงามแห่งหนึ่งย่านห้วยขวาง ที่เป็นของแม่ค้าขายของออนไลน์ชื่อดัง เดินทางพร้อมหลักฐาน และพร้อมส่งคลิปหลักฐานใหม่ที่ เป็นบทสนทนาระหว่างผู้เสียหายกับผู้บริหารรายหนึ่งที่ยอมรับว่า ทางคลินิกมีการใช้ยาที่ไม่ถูกต้อง ให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) 

 

พ.ต.อ.อนุสรณ์ ระบุว่าระยะเวลาผ่านมานานกว่า 15 เดือน คดียังคงไม่มีความคืบหน้าใดๆ ทั้งที่ผู้เสียหายก็ได้มีการพยามติดต่อทวงถามความคืบหน้ามาโดยตลอด จึงพาผู้เสียหายมาทวงถามความคืบหน้าในคดีกับทาง พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ในวันนี้

 

 

 

ขณะที่ แพทย์หญิง เอ (นามสมมุติ) ซึ่งถือเป็นหนึ่งในผู้เสียหายที่ เป็นบุคคลที่มีแพทย์ในคลินิกดังกล่าวแอบอ้างใช้ชื่อ และใบประกอบวิชาชีพ จนทำให้ได้รับความเสียหายสร้างความเข้าใจผิดให้กับประชาชนที่เข้ามาใช้บริการ ระบุว่า ตนถูกปลอมแปลงเอกสารและอ้างชื่อไปใช้ในการก่อเหตุ ซึ่งขณะนั้นตน ยังคงศึกษาอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกา และตลอดระยะเวลา 15 เดือนที่ผ่านมา ต้องมีการ พักการเรียนเพื่อกลับมาติดตามทวงถามความคืบหน้าในทางคดี เพราะคดีที่ตนตกเป็นผู้เสียหายยังไม่มีความคืบหน้า

 

ซึ่งความเสียหายที่เกิดขึ้นกับตนคือชื่อถูกปรากฏอยู่ในโซเชียลมีเดีย และยังคงมีคนเข้าใจผิดกล่าวหาว่าตนเป็นแพทย์ปลอม เพราะข่าวที่มีการนำเสนอปรากฏชื่อตนกับข่าวนี้ รวมถึงทางคลินิกก็ยังคงไม่มีการออกมาชดใช้เยียวยาใดๆ กับความเสียหายในครั้งนี้

 

 

ด้าน น.ส.บี (นามสมมุติ) หนึ่งในผู้เสียหาย ระบุว่าตนมีคลิปเสียงที่พูดคุยกับหนึ่งในผู้บริหาร ที่ตอนแรกเข้าใจว่าเป็นแอดมินของเพจคลินิก ซึ่งในคลิปเสียงมีการพูดยืนยันว่า ทางคลินิกรู้ว่า จะมีหน่วยงานของรัฐเข้ามาตรวจสอบ เพราะตอนนั้น ตนต้องเข้าไปทำการฉีดสลายสารที่ตนฉีดไว้แล้วมีปัญหา แต่ทางร้านมีการขอเลื่อน พร้อมให้เหตุผลว่า จะมีหน่วยงานเข้ามาตรวจร้าน 

 

รวมถึงการสนทนาดังกล่าวทางผู้บริหารรายนี้ ยังคงมีการพูดยอมรับกับตนว่า ทางคลินิกมีการใช้สารบางชนิดที่ไม่ผ่านขั้นตอนถูกต้องมาใช้กับลูกค้า โดยมีการระบุไปที่กลุ่มลูกค้าที่ซื้อโปรโมชั่นในราคา 17,500 บาท แต่ขณะที่ในส่วนของตน ที่ซื้อในโปรโมชั่นราคาที่ถูกกว่ากลับอ้างว่า เป็นของแท้จึงทำให้ไม่เกิดความเชื่อมั่น และค่อนข้างมั่นใจว่า อาจจะใช้ของที่ไม่ถูกต้องกับตน และกลุ่มลูกค้าคนอื่น 

 

 

 

 

 

เพราะสารดังกล่าว แม้ว่าขณะนี้ตนจะมีการรักษานำน้ำออกจากปากไปแล้วบางส่วน แต่ยังคงค้างในส่วนที่ไม่สามารถนำออกไปได้ ระยะเวลาผ่านมานานกว่า 15 เดือน สารดังกล่าวยังคงแข็งอยู่ภายในบริเวณปากไม่สลายไปตามธรรมชาติที่มีการกล่าวอ้างตอนโฆษณาชวนเชื่อ

 

น.ส.บี ระบุอีกว่า หวังว่าการเดินทางเข้าร้องขอความเป็นธรรมกับทาง บช.น.ในการช่วยเร่งรัดคดีเนื่องจากผู้เสียหายหลายคนมีความเดือดร้อนที่แตกต่างกัน และระยะเวลาก็ผ่านมานานนับปี แต่คดีไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด

 

ส่วน นายเอ (นามสมมุติ) ผู้เสียหายอีกรายที่เข้ารับบริการเสริมความงามโดยการ ร้อยไหมบนใบหน้า ได้รับผลกระทบ จากปัญหาระบบประสาทบนใบหน้า ขณะที่ใบหน้ามีการยิ้ม จะทำให้เกิดการกระตุกของบริเวณกล้ามเนื้อส่วนหน้า  และผ่านมาระยะเวลากว่าหนึ่งปีไหมดังกล่าวที่ทางคลินิกใช้กับใบหน้าของตนยังคงไม่มีการสลายไปตามคำโฆษณา ซึ่งตนได้เข้าปรึกษากับแพทย์ที่สถาบันอื่นก็จะรับคำตอบว่าไม่สามารถดำเนินการผ่าตัดออกได้เนื่องจากเกินระยะเวลา และไหมดังกล่าว มีการเชื่อมกับผังผืด และกล้ามเนื้อหน้าไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนเรื่องของระบบประสาทที่มีปัญหาทางแพทย์ระบุว่า อาจจะต้องใช้เวลานานถึงสองปีถึงจะกลับมาปกติ

 

 

 

 

นายเอ ระบุอีกว่า ความผิดปกติบนใบหน้าส่งผลถึงการสื่อสารด้วย การพูดที่ทำให้พูดได้ช้าลงทำให้มีผลกับกิจวัตรประจำวัน และการทำงาน จึงหวังว่าการเดินทางเข้าร้องขอความเป็นธรรมในครั้งนี้จะช่วยให้ทางคดีมีความชัดเจนมากขึ้น

 

ด้าน พล.ต.ต.อนุวัตร สุวรรณภูมิ ผู้บังคับการฝ่ายอำนวยการ มาเป็นผู้รับเอกสารในการยื่นหนังสือคำร้องในครั้งนี้ก่อนมีการเข้าหารือร่วมกัน โดยมี พ.ต.อ.สุกฤต มังคละสวัสดิ์ ผกก.สน.ห้วยขวาง พร้อมกับหัวหน้างานสอบสวน และ พนักงานสอบสวนที่เกี่ยวข้องในคดี ได้เดินทางมาร่วมรับเรื่อง และประชุมร่วมกันในครั้งนี้เพื่อหาแนวทาง ในการดำเนินการทางคดี

 

เบื้องต้นมีรายงานว่าทางผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลห้วยขวาง เสนอให้มีการรวมทุกคดี มาเป็นคณะทำงานเดียวกันเพื่อให้ง่ายต่อการดำเนินการทางคดี รวมถึงการสอบปากคำ