
ตร.ไซเบอร์ ปิด JOB -SHOP ทิพย์ 'หลอกขายสินค้าออนไลน์' เสียหายหลายสิบล้านบาท
ตร.ไซเบอร์ เปิดยุทธการ "ปิดJOB -SHOPทิพย์" กวาดล้างมิจฉาชีพ "หลอกขายสินค้าและบริการผ่านโลกออนไลน์" รวมมูลค่าความเสียหายหลายสิบล้านบาท
8 มี.ค.2566 กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) หรือ ตำรวจไซเบอร์ โดย พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. สั่งการให้เร่งดำเนินการสืบสวนสอบสวนปราบปรามการจับกุมผู้กระทำความผิด หลังมีผู้เสียหายร้องทุกข์จำนวนมาก ถูกมิจฉาชีพหลอกลวงซื้อขายสินค้าและการบริการ รวมถึงการร่วมลงทุนในรูปแบบต่างๆ ผ่านช่องทางสื่อสังคมออนไลน์
ล่าสุดระหว่างวันที่ 3-7 มี.ค. 2566 ตำรวจไซเบอร์ เปิดยุทธการ "ปิดJOB -SHOPทิพย์" ระดมปิดล้อมตรวจค้นจับกุมมิจฉาชีพหลอกขายสินค้า และบริการ รวมถึงหลอกให้ลงทุนในรูปแบบต่าง ๆ จำนวนกว่า 40 จุดเป้าหมายทั่วประเทศ โดยสามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับได้รวม 26 ราย ตรวจยึดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และเครื่องมือที่ใช้ในการกระทำความผิด พร้อมทั้งอายัดเงินในบัญชีธนาคารของผู้กระทำความผิดและบัญชีม้าที่เกี่ยวข้อง ส่วนผู้ต้องหาตามหมายจับที่เหลืออยู่ระหว่างเร่งรัดติดตามจับกุมตัวมาเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้ บช.สอท. หรือ ตำรวจไซเบอร์ ได้ดำเนินการตรวจสอบข้อมูลผู้เสียหายที่ถูกกลุ่มมิจฉาชีพหลอกลวงซื้อขายสินค้าและการบริการ โดยแบ่งเป็น 14 กลุ่มคดี แยกเป็น 4 ประเภท คือ
1.การหลอกลวงซื้อขายสินค้าอุปโภค-บริโภค
2.การหลอกลวงซื้อขายผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร
3.การหลอกลวงร่วมลงทุนธุรกิจสกุลเงินดิจิตอลและการลงทุนรูปแบบต่างๆ
4.การหลอกลวงซื้อขายบัตรกำนัลการบริการการท่องเที่ยวและรับจ้างทวงหนี้
โดยมีประชาชนกว่า 500 ราย ตกเป็นเหยื่องมีความเสียหายตั้งแต่หลักร้อยบาท จนถึงหลักล้านบาท ซึ่งคิดเป็นมูลค่าความเสียหายรวมกว่า 35 ล้านบาท การกระทำลักษณะดังกล่าวเข้าข่ายเป็นความผิดฐาน ฉ้อโกงประชาชน และโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ
ทั้งนี้ ตำรวจไซเบอร์ แนะแนวทางการป้องกันเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ตกเป็นเหยื่อ ดังนี้
1. ตรวจสอบความน่าเชื่อถือของบุคคลหรือบริษัท ว่ามีการเว็ปไซต์หรือจดทะเบียนนิติบุคคลมานานแล้วหรือไม่
2. อย่าหลงเชื่อเพียงเพราะการลดราคา การโฆษณา การจัดโปรโมชั่นเกินจริง ควรศึกษารายละเอียดและตรวจสอบข้อมูลที่เกี่ยวข้องให้ดีเสียก่อน
3. หลีกเลี่ยงข้อเสนอที่ฟังดูดีเกินไป ลงทุนน้อย ได้ผลตอบแทนสูง ในเวลาอันรวดเร็ว มีขั้นตอนไม่ซับซ้อน
4. ตรวจสอบที่มาที่ไปของการลงทุน หรือสินค้าให้ดีก่อนการลงทุน
5. หลีกเลี่ยงการเข้าร่วมกิจกรรมกับกลุ่มธุรกิจที่ไม่แน่ใจ เพราะอาจถูกหว่านล้อมให้ร่วมลงทุนในธุรกิจแชร์ลูกโซ่
6. เก็บหลักฐานต่างๆไม่ว่าจะเป็น หลักฐานทางการเงิน สัญญา เอกสารต่างๆ เผื่อเกิดปัญหาในภายหลัง
สำหรับผู้กระทำความผิดลอกลวงขายสินค้าและบริการ รวมถึงการหลอกลวงชักชวนลงทุนในรูปแบบต่างๆ บนโลกออนไลน์ ซึ่งเป็นความผิดเข้าข่ายฐาน “ฉ้อโกงประชาชน” ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ความผิดฐาน “โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ความผิดฐานฉ้อโกงประชาชนยังเป็นความผิดมูลฐานหนึ่งในกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ซึ่งอาจถูกยึดหรืออายัดทรัพย์สินได้เช่นกัน และหากมีบุคคลที่ร่วมขบวนการที่เข้าช่วยเหลือหรือสนับสนุน จำหน่าย จ่าย โอนทรัพย์สินหรือถือครองทรัพย์สินแทนผู้กระทำผิดตามมูลฐานข้างต้นก็อาจจะมีความผิดและถูกดำเนินคดีร่วมด้วยเช่นกัน