ข่าว

อัยการคดีพิเศษ ฟ้อง 'อดีตปธ.บอร์ดสหกรณ์จุฬาฯ' ยักยอกทรัพย์ 1.4 พันล้าน

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

รองโฆษก อสส.เผยอัยการคดีพิเศษนำตัว "บัญชา อดีต ปธ.คกก. สหกรณ์ออมทรัพย์จุฬาฯ" ชุดที่ 53 ส่งฟ้องศาลอาญาคดียักยอกทรัพย์ 1.4 พันล้านบาท ก่อนหมดอายุความ 6 มี.ค.นี้

3 มี.ค.2566 นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยกรณีที่สำนักงานอัยการสูงสุด รับสำนวนคดีจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เกี่ยวกับคดีผู้บริหารคณะกรรมการดำเนินการ ชุดที่ 53 สหกรณ์ออมทรัพย์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จำกัด กระทำการโดยทุจริต

 

เมื่อวันที่ 13 ก.พ.ที่ผ่านมา ดีเอสไอ ได้ส่งสำนวนคดีพิเศษที่ 140/2564 ที่สหกรณ์ออมทรัพย์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จำกัด ผู้เสียหาย ดำเนินคดี นายบัญชา ชลาภิรมย์ ผู้ต้องหา ความผิดฐานยักยอกทรัพย์, เป็นผู้ได้รับมอบหมายให้จัดการทรัพย์สินของผู้อื่นกระทำผิดหน้าที่ของตนด้วยประการใดๆ โดยทุจริตจนเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สินของผู้นั้น โดยได้กระทำในฐานเป็นผู้มีอาชีพหรือธุรกิจ อันย่อมเป็นที่ไว้วางใจของประชาชน มายังสำนักงานคดีพิเศษ สำนักงานอัยการสูงสุด

 

 

นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด

 

 


ซึ่งนายวิรุฬห์ ฉันท์ธนนันท์ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ ได้มอบหมายให้สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 1 เป็นผู้รับผิดชอบพิจารณาสำนวนคดีดังกล่าว และจากการพิจารณาสำนวนของอัยการสำนักงานคดีพิเศษ1 พิจารณาเเล้วเห็นว่า ขณะเกิดเหตุ นายบัญชา ชลาภิรมย์ เป็นประธานคณะกรรมการดำเนินการ ชุดที่ 53 ของสหกรณ์ออมทรัพย์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จำกัด ปฎิบัติหน้าที่จนเกิดความเสียหาย จำนวนรวมประมาณ 1,446 ล้านบาท เป็นเหตุให้สหกรณ์ออมทรัพย์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้รับความเสียหายคดีมีพยานหลักฐานพอฟ้อง 

 

วันนี้พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 1 ได้ยื่นฟ้องส่งตัว นายบัญชา เป็นจำเลยซึ่งศาลอาญา รับไว้เป็นคดีหมายเลขดำที่ อ.600/2566 ในความผิดฐาน ยักยอก  เป็นผู้ได้รับมอบหมายให้จัดการทรัพย์สินของผู้อื่นกระทำผิดหน้าที่ของตนด้วยประการใด ๆ โดยทุจริตจนเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สินของผู้นั้น โดยได้กระทำในฐานเป็นผู้มีอาชีพหรือธุรกิจ อันย่อมเป็นที่ไว้วางใจของประชาชน

 

 

อัยการฯ ส่งฟ้องอดีตปธ.บอร์ด สหกรณ์ออมทรัพย์จุฬา ยักยอกทรัพย์ 1.4 พันล้าน

 


สำหรับกรณีดังกล่าว น.ส.นารี ตัณฑเสถียร อัยการสูงสุด ได้รับรายงานผลการพิจารณาตรวจสอบสำนวนคดีดังกล่าวของคณะทำงานสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 1 สำนักงานคดีพิเศษ สำนักงานอัยการสูงสุด ผู้รับผิดชอบคดีดังกล่าวแล้ว พร้อมกำชับให้ทุกหน่วยงานภายในสังกัดสำนักงานอัยการสูงสุดทั้งในส่วนกลางและต่างจังหวัด ร่วมกันยกระดับการอำนวยความยุติธรรมให้แก่ประชาชนด้วยความเท่าเทียม ซื่อสัตย์สุจริต มีคุณธรรม และมีจิตสาธารณะ เพื่อให้การปฏิบัติงานในฐานะของการเป็นหนึ่งในองค์กรในสายธารแห่งกระบวนยุติธรรม เกิดประโยชน์สูงสุดแก่รัฐและประชาชนอย่างแท้จริง จำเลยที่พนักงานอัยการยื่นฟ้องในวันนี้จึงเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมมีสิทธิ์ต่อสู้คดีตามกฏหมายต่อไป

 

สำหรับคดีดังกล่าว ทางสำนักงานอัยการคดีพิเศษได้รับสำนวนมาจากดีเอสไอเมื่อวันที่ 13 ก.พ.2566 โดยจำเลยมีการกระทำผิดจำนวนหลายกรรมโดยกรรมเเรกจะหมดอายุความในวันที่ 6 มี.ค.นี้ เเต่ก็พิจารณาสำนวนส่งฟ้องได้ทัน

 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ