'แทนไท' มาตามนัด พบ ดีเอสไอ แจงปมเงิน 100 ล้าน ร่วม 'นอท กองสลากพลัส'

นายแทนไท ณรงค์กูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไททัน แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด พร้อมนายนิติศักดิ์ มีขวด ทนายความ และทีมงาน เข้าพบพนักงานสอบสวนศูนย์คดียาเสพติด กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ตามหมายเรียกครั้งแรก ในฐานะพยาน หลังพบเส้นทางการเงินเชื่อมโยงกับ นอท กองสลากพลัส กว่า 100 ล้านบาท

โดยก่อนที่นายแทนไท จะเข้าพบพนักงานสอบสวน ได้ยืนยันกับผู้สื่อข่าวว่า เงินจำนวนกว่า 100 ล้านบาท ที่ นายพันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ หรือ นอท กองสลากพลัส โอนมาให้ ไม่ใช่เงินร่วมทำธุรกิจแต่อย่างใด เป็นเพียงเงินให้กู้ยืมเท่านั้น และพร้อมชี้แจงทุกอย่าง โดยจะให้สัมภาษณ์หลังเข้าพบพนักงานสอบสวน

สำหรับ นายแทนไท เป็นนักธุรกิจหนุ่มไฟแรงที่น่าจับตา เป็นเจ้าของบริษัทณรงค์กูล เวิลด์ จำกัด รับดูแลการตลาดทางออนไลน์ นอกจากนี้ ยังมีค่ายหนัง "แทนไทฟิล์ม" ในนาม บริษัท แทนไทฟิล์ม โปรดักชั่น จำกัด โดยตอนนั้นได้เปิดกล้องภาพยนตร์เรื่อง "4 คิงส์ อาชีวะยุค 90s" โดยมีพระเอกสุดเท่ห์ เป้-อารักษ์ อมรศุภศิริ, โจ๊ก – อัครินทร์ อัครนิธิเมธรัฐ, จ๋าย – อิชณน์กร พึ่งเกียรติรัศมี, ภูมิ รังษีธนานนท์ ก่อนที่ทางผู้จัดจะได้ทำหนัง 4 คิงส์ อาชีวะยุค 90s ในนาม บ.เนรมิตรหนัง ฟิล์ม

หลังจากนั้น นายแทนไท ได้ตั้งบริษัท ไททัน แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด โดยเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ด้วยทุนจดทะเบียนถึง 505 ล้านบาท (ชำระเต็มจำนวน) มาจากการทำกำไรจากการลงทุนในตลาดคริปโทเคอร์เรนซี ปัจจุบันมีธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ ด้วยทุนจดทะเบียนเพิ่มกว่า 900 ล้านบาท(ชำระเต็ม) 

นายแทนไทเริ่มมีชื่อปรากฎ ภายหลังมีการประมูลทะเบียนรถยนต์เลขสวย หมวดอักษรพิเศษ "9 กก ก้าวหน้ามหามงคล" ของกรมการขนส่งทางบก ซึ่งนายแทนไท เป็นผู้ชนะประมูลหมายเลข 9 กก 9999 สร้างสถิติราคาสูงสุดที่ 45,090,000 บาท เป็นประวัติศาสตร์แห่งการประมูล 

จากนั้น ได้มีชื่อเข้าไปมีส่วนพัวพันกับ นอท กองสลากพลัส ภายหลัง ดีเอสไอ อายัด 8 บัญชีธนาคารออมทรัพย์ ต้องสงสัยของ นอท กองสลากพลัส จากแนวทางการสืบสวนสอบพบเส้นทางการเงินที่ผิดปกติและน่าสงสัย ระหว่างนายพันธ์ธวัช กับนายแทนไท ที่พบเพียงเส้นเงินจากบัญชีนายพันธ์ธวัช โอนเงินหลายร้อยล้านบาทไปยังบัญชีนายแทนไท ดีเอสไอจึงได้เรียก 
นายแทนไท มาสอบปากคำในฐานะพยาน 

สำหรับความคืบหน้าทางคดีขณะนี้ พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ โดยหลักฐานบางส่วนที่ได้รับมาจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ก็จะเป็นข้อมูลเกี่ยวกับเส้นทางการเงิน ขณะนี้เหลือเพียงรอเอกสารเพิ่มเติมจากธนาคารของนายพันธ์ธวัช ซึ่งมีจำนวนหลายรายการ เพื่อเตรียมใช้ประกอบในการสอบสวนว่า นายพันธ์ธวัช ได้มีการโอนเงินหลักหลายร้อยล้านบาทนี้เข้าบัญชีนายแทนไท ล่วงหน้า 2 วัน ก่อนที่นายพันธ์ธวัชจะถูกดีเอสไออายัดบัญชีธนาคารหรือไม่ เพราะถ้าข้อเท็จจริงเป็นเช่นนั้น และสอดคล้องไปกับพยานหลักฐานอื่นๆ ส่วนนี้จะเป็นพยานหลักฐานชัดเจน ที่ดีเอสไอจะสามารถพิจารณาดำเนินคดีกับนายแทนไท ในข้อหาร่วมกันฟอกเงินได้ เพราะถือว่ามีพฤติการณ์ร่วมกันสร้างเส้นทางเงิน หรือร่วมกันปิดบังอำพรางแหล่งที่มาของเงิน