สรุปประเด็น 'น้องต่อ' กับการหายตัวปริศนา 3 สัปดาห์ เมื่อความจริงปรากฎ

เป็นเวลา 2 สัปดาห์กว่าๆ แล้ว กับการหายตัวไปของ 'น้องต่อ' หรือ ด.ช.ต่อศักดิ์ แสงสว่าง เด็กน้อยวัย 8 เดือน ที่ได้หายออกจากบ้านไปเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2566 ซึ่งทางมูลนิธิกระจกเงาได้ออกค้นหาอย่างต่อเนื่อง จนถึงวันนี้ก็ยังคงไม่เจอตัว 'น้องต่อ' แม้จะมีเบาะแสออกมาอยู่เรื่อยๆ

 

 

ซึ่งผลจากการที่น้องต่อหายตัวไปนั้น ก็ได้เกิดคำถามมากมายว่า หายไปได้อย่างไร มีใครลักพาตัวไป พ่อกับแม่มีส่วนรู้เห็นหรือไม่ เพราะมีการตรวจพบรอยเลือดบนผ้าห่มของน้อง รวมไปถึงกระแสวิพากษ์วิจารณ์ที่ภายหลังมีการพิสูจน์ดีเอ็นเอและพบว่า น้องต่อเป็นลูกของ ลุงแจ้ ไม่ใช่ลูกของ นายพุด พ่อที่มีชื่ออยู่ในใบเกิด ซึ่งทาง คมชัดลึกออนไลน์ จะรวบรวมไทม์ไลน์ตั้งแต่น้องต่อหายตัวไป จนถึงการค้นหาล่าสุด

 

1. 5 กุมภาพันธ์ 2566 พุดและนิ่ม 2 สามีภรรยาได้ออกตามหาน้องต่อ หรือ ด.ช.ต่อศักดิ์ แสงสว่าง ลูกชายวัย 8 เดือน ภายหลังหายตัวออกจากบ้านไป ซึ่ง นิ่ม แม่น้องต่อ ได้ให้ข้อมูลยืนยันว่า ระหว่างที่นอนในบ้าน มีคนเข้าไปอุ้ม น้องต่อไป ซึ่งตอนแรกคิดว่าญาติเป็นคนพาไป โดย นายพุด พ่อน้องต่อได้โพสต์ข้อความตามหาลูกชายบนเพจข่าวสารบางเลนนครปฐม ก่อนที่จะไปแจ้งความ 

 

 

2. มูลนิธิกระจกเงาได้โพสต์ข้อความเด็กหาย รูปร่างสมส่วน สูงประมาณ 70 ซ.ม. น้ำหนักประมาณ 9 ก.ก. ผิวขาว ลักษณะผมเพิ่งโกนศรีษะ โดยมีตำหนิคือ ที่ศรีษะมีรอยแผลมีดโกนบาด และมีแผลเป็นที่คาง ที่ข้อมือซ้ายสวมเชือกถักหลายสี การแต่งกาย สวมเสื้อแขนยาวแขนจั๊มสีขาว สวมผ้าอ้อมสำเร็จรูป ไม่ได้สวมรองเท้า

 

 

3. ตำรวจเรียกตัว พุดกับนิ่ม พ่อและแม่ของ น้องต่อ เข้าสอบปากคำครั้งที่ 2 โดยคาดว่าเด็กจะถูกอุ้มลักพาตัวไปโดยคนรู้จัก ก่อนที่ตำรวจจะลงพื้นที่ค้นหาต่อแต่ก็ไม่พบแบาะแสของน้องแต่อย่างใด

 

 

4. ทีมนักประดาน้ำได้ลงค้นหาใต้น้ำ โดยได้ทำการค้นหาลึก 12 เมตร แต่ก็ยังไม่พบ ก่อนที่จะทำการค้นหาอีกครั้งในคืนวันที่ 6 กุมภาพันธ์ โดยใช้เครื่องโซน่าซาวเดอร์โดยพบวัตถุต้องสงสัย แต่พบว่าเป็นเพียงกระสอบทรายเท่านั้น

 

 

5. หัวหน้าทีมสุนัขค้นหาเเละกู้ภัย ได้วางแผนปูพรม การค้นหาด้วยการใช้สุนัขดมกลิ่น จำนวน 2 ตัว ในการค้นหา ตำรวจสงสัย โถส้วมในห้องน้ำ เพราะมีการโบกปูนใหม่จึงทุบส้วมเพื่อพิสูจน์ความจริง แต่ก็ไม่พบน้องต่อแต่อย่างใด

 

 

6. เจ้าหน้าที่ใช้โดรนบินสำรวจรอบหมู่บ้านในพื้นที่ 30 ไร่ พร้อมกับปูพรมค้นหาทางเท้าด้วย สำรวจกล้องวงจรปิดและสอบปากคำพยานบุคคลต้องสงสัยและข้อมูลการใช้โทรศัพท์ โดยสามารถจำกัดผู้ต้องสงสัยเหลือเพียง 2-3 คน

 

 

เหตุการณ์อลวนอลเวง

 

 

7. ผลการตรวจดีเอ็นเอพบว่า น้องต่อ เป็นลูกของ ลุงแจ้ ที่เคยให้การว่าคอยตามรับ-ส่ง นิ่ม แม่ของน้องต่อ ตามคำขอร้องของบิดานิ่ม โดยยอมรับว่าเคยมีสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับนิ่ม 2-3 ครั้ง ซึ่งได้นำตัวลุงแจ้เข้าเครื่องจับเท็จก่อนจะสอบปากคำอย่างละเอียด

 

 

8. ตำรวจเชิญ นายพุด กับ น.ส.นิ่ม เข้าเครื่องจับเท็จ เพื่อหาข้อมูลการหายตัวไปของ น้องต่อ ซึ่งหายตัวไปเป็นเวลา 12 วันแล้ว โดยผลออกมาเมื่อล่าสุดพบว่า 1 ใน 2 คนนี้มีเส้นกราฟของการตอบคำถามผิดปกติ แต่อยู่ระหว่างให้ผู้เชี่ยวชาญเข้ามาตรวจสอบอีกครั้ง

 

 

9. นายพุด และ น.ส.นิ่ม พ่อและแม่ของ น้องต่อ ยังไม่ปักใจเชื่อว่าผลตรวจดีเอ็นเอลูกตรงกับ ลุงแจ้ รอเจอตัวลูกชายก่อนแล้วจะทำการตรวจอีกครั้ง

 

 

10. นายหรั่ง ชายสติไม่สมประกอบที่อาศัยอยู่ในบ้าน ซึ่งอยู่ติดกับบ้านของ น.ส.นิ่ม กับนายพุด ตกเป็นผู้ต้องสงสัยคนล่าสุด ภายหลังที่ นายประกอบ ศิลารัตน์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 6 ได้ข้อมูลมาจากหน่วยงานหนึ่งว่า ให้ลองตรวจสอบบุคคลสติไม่สมประกอบในพื้นที่ดู เนื่องจากเคยเกิดเหตุเด็กหายในจังหวัดใกล้เคียง แล้วพบว่ามีชายสติไม่สมประกอบมาอุ้มเด็กไป ผู้ใหญ่บ้านจึงไปตรวจสอบกับนายหรั่ง ซึ่งตอนนั้นนายหรั่ง บอกว่าเป็นคนพาเด็กไปเอง พร้อมกับพาไปชี้จุดที่ทิ้งเด็กไว้ แต่ภายหลังนายหรั่งให้การปฏิเสธ บอกว่าที่บอกไปแบบนั้นเพราะตำรวจรับปากว่าจะให้กินข้าว เรื่องนี้จึงจบไป 

 

 

11. นางบุญล้อม ออกมายืนยันว่า ในวันเกิดเหตุ เห็นนายหรั่งปั่นจักรยานสวนทางมา โดยมีเด็กคนหนึ่งนั่งอยู่ตะกร้ารถจักรยานของนายหรั่ง แต่ตอนนั้นไม่มั่นใจว่าจะใช่น้องต่อหรือไม่ เพราะเด็กนั่งหันหลังมา และตนก็ไม่ได้ตามข่าว จึงเพิ่งทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้น หลังจากเห็นผู้ใหญ่บ้านออกทีวีตามหาเด็ก จึงรู้ว่ามีเด็กหายในหมู่บ้าน

 

 

12. 16 วันแล้ว ที่ น้องต่อ เด็กชายวัย 8 เดือน หายไปจากบ้านที่ จ.นครปฐม ตำรวจหาเบาะแสทุกช่องทางแต่ยังไม่พบ วันนี้ได้ล่องเรือหางยาวตามหาน้องต่อ ที่แม่น้ำใกล้พื้นที่ และเจ้าหน้าที่ยังคงปูพรมค้นหา น้องต่อ โดยการนำสุนัขตำรวจค้นหา 5 จุด ที่ชาวบ้านให้ข้อมูลว่า นายหรั่ง เป็นคนพาน้องต่อใส่ตะกร้ารถจักรยานไป

 

 

13. พบห่อผ้ามีโครงกระดูกจำนวนมาก มีหัวกะโหลกซึ่งขนาดเล็กกว่ากำปั้น และขนสีดำคล้ายหนังสัตว์ มีกลิ่นเน่าเหม็น ซึ่งทางตำรวจพร้อมชุดพิสูจน์หลักฐาน 7 ตรวจสอบแล้วว่าพบว่าเป็นซากสัตว์  จึงตัดข้อสงสัยออกไป และยังปูพรมค้นหาน้องต่อ ต่อไป

 

 

14. จากการสอบปากคำ น.ส.นิ่ม เจ้าตัวยอมรับแล้วว่า พูดโกหกหลายประเด็น โดยเฉพาะเรื่องชายเสื้อเหลืองอุ้มลูกออกไปนั้น ซึ่งทางนิ่ม ได้รับสารภาพเเล้วว่าไม่ได้เห็นชายเสื้อเหลืองอุ้มลูกแต่อย่างใด ทางตำรวจเชื่อว่าเเม่เด็กยังพูดความจริงไม่หมด แต่เริ่มเปิดเผยข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดีมากขึ้น และคาดว่าจะได้คำตอบ ว่าเด็กยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ ตอนนี้จึงให้น้ำหนักทั้งหมดอยู่ที่แม่เด็กคนเดียวเท่านั้น

 

 

15. ตำรวจยังพบคราบเลือดที่มอเตอร์ไซค์สีน้ำเงิน คันที่อยู่ในบ้านน้องต่อ แต่ไม่ทราบว่าคือคราบเลือดของใคร นอกจากนี้ ยังพบคราบเลือดที่หมอน และจุดท่อน้ำทิ้งที่ใช้ล้างจาน ซึ่งตรงกับพยานคนหนึ่งที่บอกว่าเวลาประมาณ 05.00 น. เห็นนิ่มมาล้างมือที่จุดนี้ และผ้าห่มน้องต่อ ก็พบเลือดประปรายอีกด้วย

 

 

16. ตำรวจได้ควบคุมตัวทั้งนายพุด และลุงแจ้ ออกจากห้องคุมขัง เพื่อเซ็นเอกสาร ก่อนจะคุมตัวไปฝากขังที่ศาลจังหวัดนครปฐม ล่าสุดศาลให้ประกันตัว 'ลุงแจ้' 1 แสน คดีพรากผู้เยาว์ ‘นิ่ม’ แม่น้องต่อ ขณะที่ พุด ศาลไม่ให้ประกันตัว ส่งตัวเข้าเรือนจำทันที

 

 

17. ส่ง น.ส.นิ่ม มารดา 'น้องต่อ' เข้ารับการตรวจสุขภาพจิต โดยหมอยังไม่ระบุว่าเป็น ไซโคพาธ หรือ โรคบุคลิกภาพผิดปกติแบบต่อต้านสังคม หรือไม่

 

 

18. หมอหนึ่ง ได้พา นิ่ม ไปทำพิธีที่ริมคลอง โดยนิ่มได้ทำการจุดธูปและเรียกชื่อน้องต่อ ก่อนที่จะโยนผ้าเพื่อค้นหาจุดที่น้องต่ออยู่

 

 

19. 'นิ่ม' มารดา 'น้องต่อ' ยอมเปิดปากพูดแล้ว นำลูกชายไปไว้ที่ไหน หลังเกิดอาการเครียด กดดัน โดยบอกว่า ทำคนเดียว เอาไปวางไว้ ส่วนสาเหตุรอฟังการแถลงจากตำรวจภูธรภาค 7 วันนี้

 

 

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มูลนิธิกระจกเงา โพสต์ข้อความไว้อย่างน่าสนใจว่า ถึงแม้ว่าในวันหนึ่ง น้องต่อ จะมีลมหายใจอยู่หรือไม่ก็ตาม แต่สิ่งหนึ่งที่จะกลายเป็นตราบาปให้กับเด็กน้อยคนหนึ่ง คือการประกาศให้สังคมรู้ว่า พ่อที่แท้จริงของเขาเป็นใคร