ข่าว

ศาล ออกหมายจับ 'ทอม เครือโสภณ' เบี้ยวนัดฟัง คำพิพากษา คดีหมิ่น สนธิ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ศาลอาญา ออกหมายจับ 'ทอม เครือโสภณ' เบี้ยวนัดฟังคำพิพากษา คดีหมิ่นประมาท 'สนธิ ลิ้มทองกุล' นัดอีกครั้ง 30 มีนาคม 2566

ศาลอาญาออกหมายจับ "ทอม เครือโสภณ" นักธุรกิจชื่อดัง หลบหนีฟังคำพิพากษา คดีไลฟ์เฟซบุ๊ก หมิ่นประมาท "สนธิ ลิ้มทองกุล" กล่าวหาเสียประโยชน์จึงขับไล่ "รัฐบาลทักษิณ" นัดพิพากษาอีกครั้ง 30 มี.ค.นี้

 

โดย ศาลอาญา ได้นัดฟังคำพิพากษาคดีดำ อ.2170/2563 ที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์เครือผู้จัดการ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายจุลภาค หรือ "ทอม เครือโสภณ" นักธุรกิจชื่อดัง ในความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา เรียกค่าเสียหาย จำนวน 5 ล้านบาท

คดีนี้โจทก์ฟ้องเมื่อวันที่ 21 ส.ค.2563 ระบุพฤติการณ์สรุปว่า จำเลยเป็นเจ้าของเฟซบุ๊ก ที่ชื่อ (Tom Julpas Kruesopon) ซึ่งเปิดเป็นสาธารณะ ประชาชนทั่วไปที่ไม่ได้ติดตามเฟซบุ๊กของจำเลย สามารถมองเห็นรับรู้และเข้ามาแสดงความคิดเห็นได้ 

 

โดยเมื่อวันที่ 22 มิ.ย.2563 จำเลยใส่ความโจทก์ต่อบุคคลที่สาม โดยแพร่ภาพและคลิปผ่านเฟซบุ๊กว่า เราต้องหยุดหลอกตนเองเสียทีว่า ประเทศไทยไม่มีการโกงกิน แต่คนที่เขาอยู่รอดได้ คือเขาเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่การโกงกินเป็น แต่พอมาทักษิณ มัน ไม่... เขาเรียกว่าอะไรล่ะ... มันไม่แบ่งเค้กกัน... ก็เลยทำให้คนที่เขาอยากกินด้วย เขาอึดอัดขึ้นมา อาทิ สนธิ ลิ้มทองกุล อันนี้คุณต้องเข้าใจเรื่องสนธิ ลิ้มทองกุล นะ ผมขอโทษทีนะ ถ้าเล่าไปเล่ามานะ
    สนธิ ลิ้มทองกุล

และข้อความทำนองว่า ผมจะมาเล่าให้ฟังว่าจุดแตกหักคืออะไร จะได้เข้าใจว่า ทำไมคุณทักษิณวันนี้ถึงไม่อยู่ประเทศไทยแล้ว คุณทักษิณเป็นคนที่ถืออำนาจอยู่ในมือทุกอย่าง แล้วตอนนั้นก็จะมี license (ใบอนุญาต) เรื่องทีวีออกมาใหม่ คุณสนธิ ลิ้มทองกุล ที่คิดว่าเขาสนับสนุนคุณทักษิณ รักคุณทักษิณ คุณทักษิณเป็นคนที่ช่วยปลดหนี้ให้คุณสนธิเป็นพัน ๆ ล้าน และข้อความอื่นที่เกี่ยวข้อง


   
ซึ่งข้อความดังกล่าวไม่เป็นความจริง เป็นข้อความเท็จทั้งสิ้น เป็นการละเมิดต่อโจทก์ ทำให้ได้รับความเสียหายแก่ชื่อเสียง ดังนั้นการที่จำเลยแพร่ภาพสดและวีดีโอ ทำให้ประชาชนทั่วไปเข้าใจได้ว่า การที่โจทก์ออกมาต่อต้าน นายทักษิณ ชินวัตร ในช่วงปี 2548-2552 เกิดจากการไม่ได้รับส่วนแบ่ง หรือไม่ได้รับผลตอบแทนตามสัญญาจาก “นายทักษิณ ชินวัตร” และทำให้เข้าใจได้ว่าเป็นคนปลดหนี้เป็นพัน ๆ ล้าน ทั้งที่ความจริงแล้ว โจทก์ไม่เคยมีสัญญาหรือมีข้อตกลงว่าจะต้องได้รับผลประโยชน์ตอบแทน และในขณะที่ “นายทักษิณ ชินวัตร” เป็นนายกรัฐมนตรี ก็ไม่เคยมี license (ใบอนุญาต) ทีวีใหม่ ๆ ออกมาแต่อย่างใด เหตุเกิดที่แขวงชนะสงคราม เขตพระนคร กทม. ซึ่งศาลได้ไต่สวนมูลฟ้อง และประทับรับฟ้องคดีไว้เพื่อมีคำพิพากษา

ทอม เครือโสภณ

   
อย่างไรก็ตาม ก่อนฟังคำพิพากษา ในระหว่างการสืบพยาน ทอม เครือโสภณ จำเลย ได้แถลงต่อศาล ยอมรับสารภาพ และขอเจรจาไกล่เกลี่ย โจทก์จึงขอให้จำเลยลงข้อความขอโทษลงในเฟซบุ๊กดังกล่าวเป็นเวลา 7 วัน และทำข้อตกลงให้ชำระค่าเสียหายแก่โจทก์ จำนวน 3 แสนบาท ปรากฏว่าจำเลยไม่สามารถปฏิบัติตามข้อตกลงได้ โดยยังไม่ลงข้อความขอโทษลงในเฟซบุ๊ก จึงขอให้ศาลนัดฟังคำพิพากษาในวันนี้


   
โดยวันนี้ น.ส.อัจฉรา แสงขาว ทนายความนายสนธิ โจทก์มาศาล ส่วนจำเลย ทราบนัดโดยชอบแล้วไม่มา เมื่อถึงเวลานัด ทนายโจทก์แถลงว่า ได้มีการติดต่อจำเลยทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อจะส่งข้อความที่จะให้จำเลยโพสต์ข้อความขอโทษและกล่าวขอโทษโจทก์แล้ว แต่จำเลยไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงตามที่แถลงไว้ในรายงานกระบวนพิจารณา ฉบับลงวันที่ 20 ธ.ค.2565 โจทก์ได้ติดตามทวงถามเพื่อให้จำเลยปฏิบัติ ตามข้อตกลงหลายครั้ง แต่จำเลยยังคงเพิกเฉย มีเพียงการชำระค่าเสียหายให้กับโจทก์เพียง 2 งวด เป็นเงินจำนวน 200,000 บาทเท่านั้น ซึ่งจำเลยยังคงค้างชำระเงินค่าเสียหายอีก 1 งวด จำนวน 100,000 บาท จนถึงปัจจุบันจำเลยก็ยังไม่ได้ปฏิบัติตามข้อตกลงให้ครบถ้วน จึงขอให้ศาลมีคำพิพากษาลงโทษจำเลยตาม ฟ้อง รายละเอียดปรากฏตามคำร้องขอให้ศาลมีคำพิพากษาลงโทษจำเลยฉบับลงวันที่ 16 ก.พ.2566


   
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ในวันนี้ จำเลยทราบนัดโดยชอบแล้วแต่ไม่มาศาล และไม่แจ้งเหตุขัดข้อง จึงไม่อาจมีคำพิพากษาลงโทษจำเลยในวันนี้ได้ ให้ยกคำร้องจำเลยไม่มาศาล โดยไม่ได้แจ้งเหตุขัดข้อง และเจ้าหน้าที่ศาลได้ประกาศเรียกตัวจำเลยเข้าห้องพิจารณาแล้ว กรณีมีพฤติการณ์แสดงว่าจงใจไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงให้ครบถ้วน และหลบหนีไม่มาฟังคำพิพากษา จึงให้ออกหมายจับจำเลย เพื่อนำตัวมาฟังคำพิพากษา และถือว่านายประกันผิดสัญญาประกัน ให้ปรับนายประกันเต็มสัญญา และเลื่อนไปนัดฟังคำพิพากษาวันที่ 30 มี.ค.2566 เวลา 09.00 น.

   

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ