ข่าว

ทีมสอบ 'สารวัตรซัว' แย้ม คนมีชื่อเสียง เอี่ยวเป็น นอมินี เร่งคลี่ปม

16 ก.พ. 2566

ทีมสอบ 'สารวัตรซัว' พบข้อมูล 60 องค์กร 150 บุคคล แย้มโยงบุคคลมีชื่อเสียง เอี่ยวเป็นนอมินี เร่งคลี่ปมพัวพัน เว็บพนันออนไลน์

ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมเพื่อติดตามความคืบหน้า การตรวจสอบเว็บพนันออนไลน์รายใหญ่ระดับประเทศ ที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองชื่อดัง ออกมาแฉว่า "สารวัตรซัว" หรือ พ.ต.ท.วสวัตติ์ มุครสกุล อดีตสารวัตร ฝ่ายโยธาธิการ 2 กองโยธาธิการ สังกัดกองโยธาธิการ สำนักงานส่งกำลังบำรุง มีส่วนพัวพัน รวมทั้งการสาวถึงบุคคลที่เกี่ยวข้อง ที่ปรากฎในรายชื่อของนายชูวิทย์ ซึ่งกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) ได้รับมอบหมายจาก พล.ต.อ. ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ให้เป็นหน่วยงานหลักในการคลี่คลายคดี


พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองผู้บังคับการ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) ในฐานะโฆษก บช.ก. เปิดเผยว่า ประเด็นสำคัญของการประชุมในวันนี้ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายหน้าที่แต่ละส่วนได้รายงานความคืบหน้าการดำเนินการ เบื้องต้นพบบริษัท องค์กร สหกรณ์ หรือ มูลนิธิต่าง ๆ กว่า 60 แห่ง และ มีบุคคลอื่น ๆ อีกกว่า 150 คน ที่เชื่อว่าเชื่อมโยง หรือเกี่ยวข้องกับ "สารวัตรซัว" ในลักษณะของนอมินี ซึ่งจะต้องตรวจสอบอย่างละเอียด ให้ครอบคลุมทุกมิติ ทั้งเส้นทางการเงิน การเสียภาษี และ การถือครองทรัพย์สินต่าง ๆ 

ประชุมติดตามคดี"สารวัตรซัว"

ทั้งนี้ จาก 60 องค์กรที่กล่าวข้างต้น มีทั้งที่จัดตั้งอย่างถูกต้องและไม่ถูกต้อง รวมถึงสถานที่ตั้ง ที่มีทั้งอยู่ในประเทศและต่างประเทศ ส่วนบุคคลต่าง ๆ ในจำนวน 150 คนนี้ จะมีนายตำรวจอยู่ด้วยหรือไม่ ยังไม่สามารถบอกได้ แต่ยอมรับว่า มีบุคคลที่มีชื่อเสียงอยู่ร่วมด้วยเป็นบางส่วน ซึ่งได้เน้นย้ำให้คณะทำงานทำงานอย่างเต็มที่ เพื่อทำความจริงให้ปรากฎ

 

ส่วน "สารวัตรซัว" จะเกี่ยวข้องกับพนันออนไลน์หรือไม่นั้น ยังไม่สามารถตอบได้ ต้องขอเวลาตรวจสอบให้แน่ชัดอย่างละเอียด แต่หากพบว่ากระทำความผิดจริง ก็จะต้องถูกดำเนินการตามกฎหมาย ไม่มีข้อยกเว้น ส่วนหลังจากนี้จะมีการเชิญตัวบุคคลใดมาทำการสอบปากคำบ้างนั้นยังไม่สามารถระบุได้ 

พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง

"อยากชี้แจงขั้นตอนในส่วนนี้ว่า การดำเนินการยังอยู่ในขั้นตอนของการสืบสวน หากพบว่ามีการกระทำผิดกฎหมาย หรือข้อมูลปรากฎถึงใครจึงจะเข้าสู่ขั้นตอนการสอบสวนและกระบวนการตามกฎหมายอย่างแน่นอน" พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ กล่าว

 

ด้าน นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ระบุว่า "สารวัตรซัว" มีการวางแผน เตรียมทางหนีทีไล่มาอย่างดีตั้งแต่แรกแล้ว ทั้งวางเซิฟเวอร์ เพื่อสามารถทำงานในต่างประเทศได้ตลอดเวลา มีวีซ่า มีพาสปอร์ตอีกเล่ม มีบ้าน มีเงิน และไม่มีภาระผูกพันในประเทศไทย จึงไม่จำเป็นต้องกลับมา 

 

ขณะที่ นายพล จ. ยอมรับว่า ไม่ใช่เรื่องง่าย ที่จะสาวไปถึง รวมทั้งเส้นทางส่งส่วย มี "ดาบศร" เป็นตัวกลาง น่าจะเรียกได้ว่า เป็นดาบตำรวจที่รวยที่สุดในประเทศไทย มีรถหรู 3 คัน 3 สี มีเงินเป็นพันล้าน และยืนยันว่า ยังไม่เคยต่อสายคุยกับนายพล จ. แม้แต่ครั้งเดียว