ทีมสอบ 'สารวัตรซัว' แย้ม คนมีชื่อเสียง เอี่ยวเป็น นอมินี เร่งคลี่ปม
ทีมสอบ 'สารวัตรซัว' พบข้อมูล 60 องค์กร 150 บุคคล แย้มโยงบุคคลมีชื่อเสียง เอี่ยวเป็นนอมินี เร่งคลี่ปมพัวพัน เว็บพนันออนไลน์
ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมเพื่อติดตามความคืบหน้า การตรวจสอบเว็บพนันออนไลน์รายใหญ่ระดับประเทศ ที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองชื่อดัง ออกมาแฉว่า "สารวัตรซัว" หรือ พ.ต.ท.วสวัตติ์ มุครสกุล อดีตสารวัตร ฝ่ายโยธาธิการ 2 กองโยธาธิการ สังกัดกองโยธาธิการ สำนักงานส่งกำลังบำรุง มีส่วนพัวพัน รวมทั้งการสาวถึงบุคคลที่เกี่ยวข้อง ที่ปรากฎในรายชื่อของนายชูวิทย์ ซึ่งกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) ได้รับมอบหมายจาก พล.ต.อ. ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ให้เป็นหน่วยงานหลักในการคลี่คลายคดี
พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองผู้บังคับการ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) ในฐานะโฆษก บช.ก. เปิดเผยว่า ประเด็นสำคัญของการประชุมในวันนี้ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายหน้าที่แต่ละส่วนได้รายงานความคืบหน้าการดำเนินการ เบื้องต้นพบบริษัท องค์กร สหกรณ์ หรือ มูลนิธิต่าง ๆ กว่า 60 แห่ง และ มีบุคคลอื่น ๆ อีกกว่า 150 คน ที่เชื่อว่าเชื่อมโยง หรือเกี่ยวข้องกับ "สารวัตรซัว" ในลักษณะของนอมินี ซึ่งจะต้องตรวจสอบอย่างละเอียด ให้ครอบคลุมทุกมิติ ทั้งเส้นทางการเงิน การเสียภาษี และ การถือครองทรัพย์สินต่าง ๆ
ทั้งนี้ จาก 60 องค์กรที่กล่าวข้างต้น มีทั้งที่จัดตั้งอย่างถูกต้องและไม่ถูกต้อง รวมถึงสถานที่ตั้ง ที่มีทั้งอยู่ในประเทศและต่างประเทศ ส่วนบุคคลต่าง ๆ ในจำนวน 150 คนนี้ จะมีนายตำรวจอยู่ด้วยหรือไม่ ยังไม่สามารถบอกได้ แต่ยอมรับว่า มีบุคคลที่มีชื่อเสียงอยู่ร่วมด้วยเป็นบางส่วน ซึ่งได้เน้นย้ำให้คณะทำงานทำงานอย่างเต็มที่ เพื่อทำความจริงให้ปรากฎ
ส่วน "สารวัตรซัว" จะเกี่ยวข้องกับพนันออนไลน์หรือไม่นั้น ยังไม่สามารถตอบได้ ต้องขอเวลาตรวจสอบให้แน่ชัดอย่างละเอียด แต่หากพบว่ากระทำความผิดจริง ก็จะต้องถูกดำเนินการตามกฎหมาย ไม่มีข้อยกเว้น ส่วนหลังจากนี้จะมีการเชิญตัวบุคคลใดมาทำการสอบปากคำบ้างนั้นยังไม่สามารถระบุได้
"อยากชี้แจงขั้นตอนในส่วนนี้ว่า การดำเนินการยังอยู่ในขั้นตอนของการสืบสวน หากพบว่ามีการกระทำผิดกฎหมาย หรือข้อมูลปรากฎถึงใครจึงจะเข้าสู่ขั้นตอนการสอบสวนและกระบวนการตามกฎหมายอย่างแน่นอน" พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ กล่าว
ด้าน นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ระบุว่า "สารวัตรซัว" มีการวางแผน เตรียมทางหนีทีไล่มาอย่างดีตั้งแต่แรกแล้ว ทั้งวางเซิฟเวอร์ เพื่อสามารถทำงานในต่างประเทศได้ตลอดเวลา มีวีซ่า มีพาสปอร์ตอีกเล่ม มีบ้าน มีเงิน และไม่มีภาระผูกพันในประเทศไทย จึงไม่จำเป็นต้องกลับมา
ขณะที่ นายพล จ. ยอมรับว่า ไม่ใช่เรื่องง่าย ที่จะสาวไปถึง รวมทั้งเส้นทางส่งส่วย มี "ดาบศร" เป็นตัวกลาง น่าจะเรียกได้ว่า เป็นดาบตำรวจที่รวยที่สุดในประเทศไทย มีรถหรู 3 คัน 3 สี มีเงินเป็นพันล้าน และยืนยันว่า ยังไม่เคยต่อสายคุยกับนายพล จ. แม้แต่ครั้งเดียว