กรมการปกครอง ขึ้นโรงพักนางเลิ้ง แจ้งความเอาผิด 'มูลนิธิเป็นต่อ' สารวัตรซัว เข้าข่าย 3 ข้อหา เร่งประสาน กองปราบ สืบสวนขยายผล
หลายหน่วยงาน เริ่มรุกฆาตเอาผิด "สารวัตรซัว" พ.ต.ท.วสวัตติ์ มุครสกุล สารวัตรฝ่ายโยธาธิการ 2 กองโยธาธิการ สังกัดกองโยธาธิการ สำนักงานส่งกำลังบำรุง หลังพบว่ามีการจัดตั้ง "มูลนิธิเป็นต่อ" ใช้เป็นเครื่องมือในการฟอกเงินธุรกิจสีเทา และไม่ได้จดทะเบียนอย่างถูกต้องตามกฎหมาย จึงเป็นที่มาให้กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับมูลนิธิเป็นต่อแล้วที่ สน.นางเลิ้ง
นายรัฐวิช จิตสุจริตวงศ์ ผู้อำนวยการส่วนการสอบสวนนคดีอาญา สำนักการสอบสวนและนิติการ กรมการปกครอง เปิดเผยว่า ตามที่ปรากฏข่าวที่เกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์ โดยมีการกล่าวถึง มูลนิธิเป็นต่อกรุ๊ป จำกัด กรมการปกครอง ในฐานะหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ในการรับจดทะเบียนมูลนิธิ ได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงในฐานข้อมูล ไม่ปรากฏการจดทะเบียนมูลนิธิในชื่อดังกล่าว
ซึ่งจากการลงพื้นที่ตรวจสอบสถานที่ตั้งมูลนิธิเป็นต่อ ภายในรามอินทราซอย 5 แยก 15 ถนนรามอินทรา แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กทม. ก็พบว่าไม่ได้มีเจ้าหน้าที่มูลนิธิแต่อย่างใด มีเพียงพนักงานบริษัทอื่นที่อยู่ในอาคารเดียวกัน อีกทั้ง ยังได้ตรวจสอบไปยังผู้บริหารของบริษัทดังกล่าว ก็ยอมรับว่าไม่ได้มีการขออนุญาตก่อตั้งจริง เป็นเพียงการรวมกลุ่มกันของผู้บริหารที่รู้จักสนิทสนมกันในหลายบริษัท
การดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ และการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารสู่สาธารณชนของมูลนิธินี้เข้าข่ายความผิดตามกฎหมาย วันนี้กรมการปกครองจึงได้มอบหมายให้ตนเอง และพนักงานฝ่ายปกครอง ไปร้องทุกข์กล่าวโทษเพื่อดำเนินคดีกับ มูลนิธิ เป็นต่อ กรุ๊ป จำกัด ใน 3 ความผิดฐาน คือ
- ผิด พ.ร.บ.กำหนด ความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ.2499 ใช้คำว่ามูลนิธิประกอบกับชื่อในดวงตาและเอกสารอื่นเกี่ยวกับธุรกิจ โดยที่มิได้มีการจดทะเบียนจัดตั้งมูลนิธิ
- พ.ร.บ. ควบคุมการเรี่ยไร พ.ศ.2487 มาตร 8 ประกอบมาตรา 17
- พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 นำข้อมูลอันเป็นเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์
ส่วนหากจะมีความผิดอื่นใดเพิ่มเติมอีกหรือไม่ ในกรณีนี้กรมการปกครองได้ประสานงานใกล้ชิดกับกองบังคับการปราบปรามแล้ว ซึ่งจะต้องทำการสอบสวนขยายผลต่อไป
นายรัฐวิช กล่าวเพิ่มเติมว่า กรณีกระแสข่าวกลุ่มทุนจีนสีเทา เข้ามาทำธุรกิจผิดกฎหมายในประเทศไทย ทางกรมการปกครองได้สั่งการไปให้ทุกอำเภอตรวจสอบมูลนิธิต่าง ๆ ที่อาจเกี่ยวพันกับธุรกิจสีเทา ว่ามีการขออนุญาตก่อตั้งมูลนิธิ เพื่อบังหน้าธุรกิจผิดกฎหมายหรือไม่ รวมทั้งมูลนิธิที่มีการก่อตั้งแล้วไม่ได้มีกิจกรรม หรือมีการดำเนินการใด ๆ ด้วย
สำหรับกรณีนี้ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง ได้โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊กหัวข้อ มูลนิธิเป็นต่อ (ของเก๊) อีกแล้ว โดยระบุว่า มูลนิธิเป็นต่อ ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการฟอกเงินธุรกิจสีเทา และไม่ได้จดทะเบียนจัดตั้งมูลนิธิอย่างถูกต้องตามกฎหมาย จึงเป็นที่มาให้กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ดำเนินการตรวจสอบ และแจ้งความดำเนินคดีกับมูลนิธิเป็นต่อ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง