ผกก.ทองหล่อ แจง ตร.สืบสวนตรวจ'ร้านทำเล็บ'ดาราสาวตามปกติ-ปัดกลั่นแกล้ง

9 ก.พ.2566 พ.ต.อ.พันษา อมราพิทักษ์  ผกก.สน.ทองหล่อ ระบุทราบเรื่องที่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.ทองหล่อ เข้าไปที่ร้านทำเล็บของ ดิว อริสรา ทองบริสุทธิ์ ดาราสาว เมื่อวันที่ 7 ก.พ. 2566 ที่ผ่านมา และได้ตรวจสอบไปยังฝ่ายสืบสวนแล้ว ทราบว่าวันดังกล่าวมีตำรวจยศ ส.ต.ท. สังกัดฝ่ายสืบสวน เข้าไปที่ร้านทำเล็บจริง แต่เป็นการตรวจตามปกติเพื่อหาสิ่งผิดกฎหมาย , บุคคลต่างด้าว หรือ ป้องกันอาชญากรรมที่จะเกิดขึ้น โดยการตรวจของเจ้าหน้าที่นั้นจะมีทั้งในเครื่องแบบและนอกเครื่องแบบ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

พ.ต.อ.พันษา กล่าวอีกว่า ในวันดังกล่าวตำรวจที่เข้าไปตรวจได้แสดงตัวอย่างสุภาพ แสดงบัตรประจำตัว รวมถึงให้ทางผู้ดูแลร้านถ่ายภาพ เพื่อเป็นความบริสุทธิ์ใจในการทำงาน ซึ่งการตรวจครั้งนี้ก็เป็นการตรวจทุกร้านที่อยู่ในพื้นที่ที่รับผิดชอบ ไม่ได้เจาะจงเฉพาะร้านทำเล็บแห่งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ก็มาทราบภายหลังว่าร้านดังกล่าวเป็นของ ดิว อริสรา หลังจากที่เป็นกระแสข่าวไปแล้ว

 

ผกก.สน.ทองหล่อ ยังระบุอีกว่า จากการได้รับรายงานจาก รองผู้กำกับการ ฝ่ายสืบสวน และ สารวัตรฝ่ายสืบสวน ทราบว่า ผลจากการตรวจนั้น ไม่พบสิ่งผิดกฎหมายแต่อย่างใด

 

“ส่วนที่มีการระบุว่ามีตำรวจระดับรอง ผกก.เป็นหุ้นส่วนสถานบันเทิงร่วมกับ เบนซ์ เดม่อน นั้น ยังไม่มีข้อมูลในส่วนนี้ ส่วนจะมีการรู้จักเป็นการส่วนตัวหรือไม่นั้น ผมยังไม่ทราบ เพราะเพิ่งย้ายเข้ามารับตำแหน่งได้ไม่นาน แต่หากพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องหรือกระทำผิดกฎหมาย ก็สามารถแจ้งมาได้ทันที พร้อมจะดำเนินการตามอำนาจการปกครอง”

 

 

 

 

 

 

 

พ.ต.อ.พันษา ระบุอีกว่า สำหรับการตรวจของเจ้าหน้าที่นั้น แต่ละฝ่ายในโรงพักจะกำหนดแผนการทำงานขึ้นมาตามผลัด หรือตามสถานการณ์ ไม่ได้มีการตรวจเป็นประจำทุกเดือน เช่น ฝ่ายสืบสวนก็จะกำหนดแผนการตรวจขึ้นมาในพื้นที่และตรวจตราตามปกติ ,ฝ่ายป้องกันและปราบปรามในเครื่องแบบก็มีการวางแผนตามช่วงเวลาในการออกตรวจ ทั้งลาดตระเวน ตรวจตู้แดง หรือในช่วงวาเลนไทน์ก็มีแผนการตรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบ หรือฝ่ายจราจรก็จะกำหนดแผนในการตรวจตราตามเวลาในช่วงโมงเร่งด่วน ทั้งนี้การกำหนดกรอบแผนการตรวจจึงไม่ตายตัวว่าจะต้องตรวจเป็นประจำทุกเดือน

 

"หลังจากคลิปดังกล่าวกลายเป็นประเด็นข่าว อยากชี้แจงว่า ตำรวจได้ทำตามหน้าที่ในการป้องกันเหตุอาชญากรรมตามปกติ ไม่มีเจตนากลั่นแกล้ง หรือ ต้องการเป็นข้อพิพาทกับทางคู่กรณีแต่อย่างใด ซึ่งต้องให้ความเป็นธรรมกับผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วย แต่มีการกระทำความผิด ไม่ถูกต้องตามหน้าที่ หรือ ไม่ถูกกฎหมาย หากมีพยานหลักฐานสามารถนำมาให้ตนได้ ในฐานะผู้บังคับบัญชา ก็พร้อมที่จะดำเนินการ ไม่มีละเว้นอย่างแน่นอน"