ข่าว

จนท. DSI สะกดรอย ตามรวบ 2 ผู้ต้องหา ผิดร้ายแรง คดียาเสพติด ตามล่าอีก 1 ราย

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

จนท. DSI สะกดรอย ตามรวบ 2 ผู้ต้องหา ที่มีความผิดร้ายแรง ในคดียาเสพติด ร่วมกันฟอกเงิน ตามล่าอีก 1 หลบหนีอยู่ประเทศเพื่อนบ้าน

สืบเนื่องจากกรณี เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2565 กรมสอบสวนคดีพิเศษ  หรือ DSI สนธิกำลัง ตำรวจสถานีตำรวจภูธรแม่สาย จ.เชียงราย และ สถานีตำรวจภูธรเชียงแสน จ.เชียงราย เข้าตรวจค้นบ้านพัก ของกลุ่มเครือข่ายยาเสพติด ในคดีพิเศษ ที่ 32/2564 ซึ่งศาลอนุมัติ หมายจับผู้ต้องหา 3 ราย ที่เกี่ยงข้องในคดี คือ 1.นายคมกริช 2.ทัพพสาร 3.นายมานะ หรือ แบ้งค์ ในความผิดฐาน ร่วมกันสมคบกัน กระทำความผิดร้ายแรง เกี่ยวกับยาเสพติด ตามประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ. 2564 , ฐานร่วมกันฟอกเงิน และ สมคบกันฟอกเงิน ตามพระราชบัญญัติป้องกัน และ ปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 

 

ล่าสุดวันนี้ (04/02/66) มีรายงานว่า เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2566 ชุดปฏิบัติการศูนย์สืบสวนสะกดรอยและการข่าว นำกำลังเข้าจับกุม นายคมกริช ผู้ต้องหาในคดีพิเศษดังกล่าว ในบ้านพักหลังหนึ่ง ต.บางคูวัด อ.เมือง จ.ปทุมธานี  ส่วน นายทัพพสาร ผู้ต้องหาอีกคน ได้เดินทางเข้ามอบตัวเอง กับ คณะพนักงานสอบสวน เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2566 ที่ผ่านมา และ เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2566 พนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้ควบคุมผู้ต้องหา 2 ราย ไปขออำนาจศาลอาญา ฝากขังต่อ ซึ่งมีการขอประกันตัวในชั้นศาล และ ใช้หลักทรัพย์ประกันตัว รายละ 500,000  บาท 

 

 

สะกดรอยจับกุม

 

ส่วน นายมานะ ผู้ต้องหาคนที่ 3 ขณะนี้ ยังอยู่ระหว่างการหลบหนี ไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่จับกุม ซึ่งแนวทางการสืบสวน ทราบว่า ปัจจุบัน ได้หลบหนี อยู่ในประเทศเมียนมา เจ้าหน้าที่จึงทำการประสาน ความร่วมมือระหว่างประเทศ ขอให้จับกุมและส่งผู้ร้ายข้ามแดน

สำหรับการจับกุมครั้งนี้ พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล รักษาราชการแทน อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ได้สั่งการไปยัง นายวิทวัส สุคันธรส ผู้อำนวยการศูนย์สืบสวนสะกดรอย และ การข่าว ควบคุมสั่งการ ให้เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ ร่วมกันจับกุม ผู้ต้องหาตามหมายจับ โดยเป็นกลุ่มบุคคล ที่ได้มีการร่วมกันทำธุรกรรม ทางการเงิน ที่มีจำนวนสูงผิดปกติ และไม่สอดคล้อง กับรายได้ที่มี อันอาจหลีกเลี่ยงการเสียภาษีอากร ซึ่งเป็นความผิดตามประมวลรัษฎากร พระราชบัญญัติมาตรการ ในการปราบปรามผู้กระทำความผิด เกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. 2534 และ อาจเป็นความผิด มูลฐานตามพระราชบัญญัติป้องกัน และ ปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542   

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ