
"ชูวิทย์" กางผังแฉขบวนการด่านรีดไถทั่วนครบาลส่งยอด 324 ล้าน/เดือน
"ชูวิทย์" แฉยิบขบวนการด่านรีดไถ 88 โรงพัก-บก.จร. ตั้งเป้าส่งยอดเดือนละ 324 ล้านบาท ทดแทนบ่อนที่ถูกปิดทำขาดรายได้ ฝากนายกฯเร่งจัดการลั่นหากยังนิ่งเฉยจะเดินหน้าเปิดโปงต่อไป
1 ก.พ.2566 หลังจากที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์ อดีตนักการเมือง ตั้งโต๊ะแถลงพร้อมเปิดตัวหนุ่มสิงคโปร์พยานในคดีที่ดาราสาวไต้หวัน ออกมาแฉว่าถูกตำรวจ สน.ห้วยขวาง ตั้งด่านรีดไถเงินไปจำนวน 27,000 บาท
นายชูวิทย์ เปิดเผยถึงขบวนการตั้งด่านรีดไถ ระบุว่า เป็นขบวนการที่เกิดขึ้นในยุคของ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล คนปัจจุบัน โดยระบบของด่านรีดไถนั้น ไม่ใช่ว่าตำรวจรีดไถเงินจากประชาชน หรือนักท่องเที่ยวแล้ว เงินจะเข้ากระเป๋าตัวเอง แต่เป็นการที่ต้องรีดไถเงิน เพื่อนำเงินลงกองกลาง นำส่งนาย คือ กองบัญชาการตำรวจนครบาล
โดยด่านจะแบ่งเป็น 2 ส่วน คือด่านของนครบาล จำนวน 88 สถานีตำรวจ ต้องส่งกองบัญชาการตำรวจนครบาล ตั้งเป้าเอาไว้ ให้รีดไถให้ได้สถานีตำรวจละ 1 แสนบาทต่อวัน หรือ 3 ล้านบาทต่อ 1 เดือน ดังนั้น ในพื้นที่นครบาลมีทั้งหมด 88 สถานีตำรวจ จะมีเงินที่ส่งให้ กองบัญชาการตำรวจนครบาล ทั้งหมดเดือนละ 264 ล้านบาท
ส่วนที่ 2 คือด่านของ ตำรวจจราจรกลาง ที่มีประมาณวันละ 20 ด่าน แต่ละวัน ต้องรีดไถเงินให้ได้ 1 แสนบาท คิดเป็นวันละ 2 ล้านบาท ดังนั้น จะมีเงินที่ส่งให้ กองบัญชาการตำรวจนครบาล เดือนละ 60 ล้านบาท
เมื่อรวม 2 ส่วนนี้ จะมีเงินที่ส่งให้ กองบัญชาการตำรวจนครบาล เดือนละ 324 ล้านบาท ซึ่งนายชูวิทย์ ระบุด้วยว่า ขบวนการด่านรีดไถที่เกิดขึ้นเนื่องจากบ่อนต้องปิด ทำให้ต้องหารายได้จากการตั้งด่านมาทดแทน
นอกจากนี้ นายชูวิทย์ ยังเปิดเผยอัตราการเรียกรับผลประโยชน์ หรืออัตราการรีดไถ ซึ่งจะแตกต่างไปตามกรณีการกระทำความผิดต่างๆ ได้แก่ ปริมาณแอลกอฮอล์เกินกว่ากฎหมายกำหนด เรียกรับ 3 หมื่นบาท ตรวจพบปัสสาวะม่วง เรียกรับ 1 แสนบาท ตรวจพบยาเสพติด เรียกรับ 3 - 5 แสนบาท ตรวจพบควันดำ เรียกรับ 1 แสนบาท และตรวจพบบุหรี่ไฟฟ้า เรียกรับ 3 หมื่นบาท
นายชูวิทย์ ยังกล่าวทิ้งท้ายว่า “ขอฝากให้ นายกรัฐมนตรี ให้ลงมาจัดการเรื่องนี้ อย่าให้มีด่านรีดไถ สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชน ถ้ายังไม่ทำ ตนก็จะเปิดโปงต่อไปเรื่อย ๆ”