ข่าว

"ตำรวจ" สวมเครื่องแบบรับจ๊อบนอกเวลาราชการไม่ได้ สั่งตรวจสอบย้อนหลัง 10 ปี

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ผบ.ตร. ย้ำชัด "ตำรวจ" สวมเครื่องแบบรับจ๊อบนอกเวลาราชการไม่ได้ เชื่อไม่มีให้บริการผู้ก่อการร้าย กำชับ จเรตำรวจ ตรวจสอบย้อนหลัง หากพบทำผิด 10 ปี ฟันทั้งวินัย-อาญา

ภายหลังเพจดัง "ลุยจีน" ออกมาเปิดเผยข้อมูลว่า "ตำรวจ" ไทยรับจ้างขับ "รถนำขบวน" นักท่องเที่ยวจีน มีมานานกว่า 10 ปีแล้วนั้น ล่าสุด พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ได้มอบหมายให้ จเรตำรวจแห่งชาติ ตั้งกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริง ได้ตรวจสอบทุกอย่าง ถ้ามีข้อมูลบอกว่าทำไปยาวนานถึงไหน 

 

 

ทั้งนี้ หากมีหลักฐานถึงใครก็จะดำเนินการหมด ทั้งอาญา และวินัย ไม่ละเว้น ขอให้สบายใจได้ แต่ขอเวลาในการรวบรวมข้อเท็จจริง เพราะมี ตำรวจท่องเที่ยว และ ตำรวจ บก.จร. หรืออาจจะมีอะไรมากกว่านั้นอีก หรืออาจมีคนอื่นร่วมกระทำผิดด้วย เช่น ไกด์ จึงต้องดำเนินการในทุกมิติ

 

ส่วนที่บอกว่า มีหลักฐาน หรือ มีข้อมูลว่า ทำเป็น 10 ปี หากพบข้อมูลต่างๆ จะให้ทาง จเรตำรวจ เป็นผู้ดูข้อมูลทั้งหมด และจะดำเนินการครั้งเดียว โดยจะแจ้งให้สื่อมวลชนทราบว่า ใครผิดอะไรบ้าง แต่ละคนมีความผิดอาญา หรือไม่ ผิดวินัยขนาดไหน ผู้บังคับบัญชาที่กำกับดูแล บกพร่อง หรือไม่อย่างไร 

 

 

ตอนนี้ได้สั่งการกำชับให้ทาง จเรตำรวจ ลงไปตรวจสอบในทุกประเด็นแล้ว และจากนี้จะไม่ให้โฆษกของแต่ละ บช.ออกมาชี้แจงแล้ว เพราะ อาจจะทำให้คำตอบ และข้อมูลมีความสับสนไม่ตรงกัน

 

 

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ ยืนยันว่า บริการพิเศษนี้ ไม่มีบริการให้แก่กลุ่มผู้ก่อการร้าย เพราะจะต้องมีการตรวจสอบก่อนอยู่แล้ว ในภาพรวมไม่สามารถทำได้อยู่แล้ว เพราะไม่เป็นไปตามคำสั่ง ตร. ที่มีแนวทาง และหลักเกณฑ์ในการนำขบวน ซึ่งครั้งนี้ ไม่อยู่ในหลักเกณฑ์อยู่แล้ว ทำโดยพละการเป็นความผิด แต่ขอเวลาให้ชุดทำงาน ได้ตรวจสอบหลักฐานว่า มีหลักฐานถึงใคร กี่ปีย้อนหลัง จะดำเนินการทั้งหมด 

 

 

ยืนยันว่า การนำขบวนในลักษณะดังกล่าว ไม่สามารถทำได้ เป็นความผิด เพราะไม่มีหน้าที่ การนำขบวนจะต้องมีเหตุผล และเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของ ตร. ที่มีคำสั่งออกมา

 

 

ผบ.ตร. ย้ำด้วยว่า ตำรวจ สวมเครื่องแบบ ไปรับจ้างนอกเวลา จะใช้รถส่วนตัว หรือรถหลวงก็ผิดทั้งนั้น เพราะเป็นการกระทำโดยพละการ และไม่ได้ทำตามคำสั่ง ดังนั้นจึงไม่มีหน้าที่ การจะนำรถไปใช้กิจใดๆ ต้องมีเหตุ และผล และเป็นไปตามหลักเกณฑ์ และก่อนหน้านั้นก็มีคำสั่งชัดเจนอยู่แล้ว

 

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

 

ผบ.ตร. กล่าวอีกว่า เมื่อตรวจสอบแล้ว จะต้องมีการลงโทษอย่างจริงจัง เชื่อว่าปัญหานี้ จะเกิดความเกรงกลัว จะไม่มีใครกล้า แต่ถ้ามีใครกล้า หากจับได้ หรือ มีสื่อโซเชียลไปลง ก็จะต้องดำเนินการต่อไปอีก เพราะคนจำนวนมาก อาจจะมีหลุดรอด หรืออาจจะมีคนลองทำในสิ่งที่ผิด แต่หากเราทราบก็จะดำเนินการ จะนำมาตรฐานในการดำเนินการในครั้งนี้ไปใช้เป็นมาตรการที่เข้มข้นต่อไป

 

 

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวต่อว่า ทีมจเรตำรวจ จะดำเนินการในทุกมิติ หากสามารถประสานผู้เกี่ยวข้องเข้าให้ข้อมูลได้ ก็จะมีการประสาน ทั้งฝั่งที่มีการนำข้อมูลไปแชร์ ฝั่งตำรวจที่มาให้การ ทั้งนี้ข้อเท็จจริงต่างๆ ต้องปรากฏให้ชัดเจน แต่ขอเวลาทำงานอีกสักระยะ เพื่อให้เกิดความรอบคอบ จะได้เห็นข้อมูล ในภาพรวมทั้งหมด ยิ่งบอกว่ามีการทำมานานแล้ว ก็จะไปตรวจสอบว่า จริงหรือไม่อย่างไร ทั้งนี้ต้องรอให้จเรตำรวจได้ทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน

 

 

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ ระบุว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่จำเป็นต้องไปรื้อระเบียบ เกี่ยวกับรถนำขบวน เพราะเป็นการกระทำผิดของ เจ้าหน้าที่นอกลู่ นอกทาง ไม่เกี่ยวกับระเบียบที่มี 

 

 

ส่วนจะเรียก สาวจีน ที่โพสต์คลิปมาสอบถามเพิ่มเติม หรือไม่นั้น ผบ.ตร. กล่าวว่า หากจเรตำรวจพิจารณาแล้วว่า จำเป็น ก็จะประสานให้เข้ามาให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ แต่ตอนนี้ผู้โพสต์ อาจไม่อยู่ในประเทศไทยเเล้ว พร้อมย้ำชัดว่า ไม่ได้รู้สึกหนักใจที่ตอนนี้ มีแต่ข่าวเสียหายของตำรวจ แต่ถือเป็นการไปตรวจสอบ ถ้าตรงไหนที่ไม่ดีก็ต้องแก้ไข ซึ่งหลายเรื่องจำเป็นต้องใช้เวลาในการตรวจสอบ จะด่วนสรุปเลยก็ไม่ได้ ขอให้ประชาชนใจเย็น เพราะตำรวจก็กำลังเร่งทำทุกคดีอย่างเต็มที่

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ