ข่าว

สำนวน อธิบดีกรมอุทยานฯ ถึงมือ ป.ป.ช.แล้ว

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ป.ป.ช.รับสำนวนคดี สินบนกรมอุทยานฯจากเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว เจอข้อหาเบื้องต้น เรียกรับทรัพย์สิน และละเว้นการปฏิบัติหน้าที่

 

สำนวนคดีเรียกรับสินบนโยกย้ายตำแหน่งเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และ พันธุ์พืช ขณะนี้ดำเนินการแล้วเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว 


พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผู้บังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบระบุว่า ได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.รัชภูมิ กุสุมาลย์ ผู้กำกับการ 1 บก.ปปป. นำสำนวนคดีทั้งหมด รวมจำนวน 2 แฟ้ม ของกลาง 21 รายการ ไปส่งมอบให้กับทาง ป.ป.ช. เพื่อดำเนินคดี นายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา อธิบดีกรมอุทยานฯแล้ว ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา

 

ผู้บังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบบอกว่า จนถึงขณะนี้ ยังคงมีการดำเนินคดีแค่ในข้อหา เป็นเจ้าพนักงานสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งรัฐ สมาชิกสภาจังหวัด หรือสมาชิกสภาเทศบาล เรียกรับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือ ประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเอง เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งโดย ไม่ชอบด้วยหน้าที่ และ เป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบโดยทุจริต

 

หากพบพยานหลักฐานอื่นเพิ่ม ก็อาจมีการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมในภายหลัง ซึ่งขั้นตอนหลังจากนี้ อาจมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณา โดยการร่วมกันระหว่าง ป.ป.ช. , ป.ป.ท. และ ตำรวจ บก.ปปป. เนื่องจากเป็นคดีละเอียดอ่อน จำเป็นต้องดำเนินการด้วยความรอบคอบ อย่างไรก็ตามจนถึงตอนนี้ก็ยังคงมั่นใจในพยานหลักฐานว่า จะสามารถเอาผิดได้อย่างแน่นอน

 

 

กฎหมายป.ป.ช.มาตรา28 (2)บัญญัติ ให้ป.ป.ช.มีอำนาจหน้าที่ ไต่สวนและวินิจฉัยว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐร่ำรวยผิดปกติ กระทําความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่หรือกระทําความผิดต่อตําแหน่งหน้าที่ราชการ หรือความผิดต่อตําแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม

มาตรา 30 ให้อำนาจในการการดําเนินการ กับบุคคลอื่นซึ่งเป็นตัวการ ผู้ใช้ หรือผู้สนับสนุน รวมทั้งผู้ให้ ผู้ขอให้ หรือรับว่าจะให้หรือนิติบุคคล ที่เกี่ยวข้องกับการให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่บุคคลตามมาตรา 28 (1) (2) และ (4) เพื่อจูงใจ ให้กระทําการ ไม่กระทําการ หรือประวิงการกระทําอันมิชอบด้วยกฎหมายด้วย    โดยในมาตรา39 กำหนดให้ ป.ป.ช.มีอำนาจขอให้ศาลที่มีเขตอำนาจออกหมายจับและควบคุมผู้ต้องหาไว้หากมีเหตุอันควรเชื่อว่าผู้ถูกกล่าวหาจะหลบหนี ในระหว่างการไต่สวน หรือเมื่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลว่าผู้ใดกระทําความผิดและความผิดนั้นมีโทษทางอาญา

 

หากมีมติวินิจฉัยว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทําความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทําความผิดต่อตําแหน่งหน้าที่ราชการ หรือความผิดต่อตําแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม หรือความผิดที่เกี่ยวข้องกัน ให้ดําเนินการดังต่อไปนี้


(1) ถ้ามีมูลความผิดทางอาญา ให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ส่งรายงาน สํานวนการไต่สวน
เอกสารหลักฐาน สําเนาอิเล็กทรอนิกส์ และคําวินิจฉัยไปยังอัยการสูงสุดภายในสามสิบวัน เพื่อให้อัยการสูงสุดยื่นฟ้องคดีต่อไป


(2) ถ้ามีมูลความผิดทางวินัย ให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ส่งรายงาน สํานวนการไต่สวนเอกสารหลักฐาน และคําวินิจฉัยไปยังผู้บังคับบัญชาหรือผู้มีอํานาจแต่งตั้งถอดถอนภายในสามสิบวันเพื่อให้ดําเนินการทางวินัยต่อไป เมื่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ส่งสํานวนการไต่สวนให้อัยการสูงสุดเพื่อดําเนินคดีอาญา ให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. แจ้งผู้ถูกกล่าวหาให้ไปรายงานตัวต่ออัยการสูงสุดตามวันเวลาที่กําหนดหากผู้ถูกกล่าวหาไม่ไปรายงานตัวตามกําหนด ให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ดําเนินการตามมาตรา 39 ต่อไป

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ