ข่าว

จาก "กงสุล นาอูรู" สู่ "เที่ยวแบบ vvip" เรื่องฉาว ตำรวจไทย

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

จากการตรวจค้นบ้านอดีต "กงสุล นาอูรู" สู่ประเด็นดราม่า "เที่ยวแบบ vvip" เรื่องฉาว ตำรวจไทย ปฎิรูปตำรวจ ค้างอยู่ 8 ปี

ประเด็นอื้อฉาว วงการตำรวจไทย ไม่ได้มีพัก หลังจากเกิดดราม่า นักท่องเที่ยวสาวจีน รีวิวเข้าไทย โดยอ้างว่า ได้ใช้บริการรถของตำรวจจราจร เพื่ออำนวยความสะดวก และตำรวจท่องเที่ยว พาออกช่องทางพิเศษ โดยไม่ต้องรอคิว เพียงแค่จ่ายเงินเพิ่ม จนเกิด #เที่ยวแบบvvip กลายเป็นเรื่องร้อนสะเทือนวงการ นำไปสู่คำสั่งเด้งตำรวจ 3 นาย

 

หากจะว่ากันไปแล้ว ความอื้อฉาวนี้ เกิดขึ้นไม่มีแผ่ว เมื่อครั้งเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ และตำรวจ 191 เข้าตรวจค้นภายในบ้านพักอดีตกงสุลนาอูรู และเรียกเอาทรัพย์จากผู้ต้องหาชาวต่างชาติจำนวนกว่า 9 ล้านบาท เมื่อวันที่ 22 มกราคม ที่ผ่านมา จนคาดว่านำไปสู่ คำสั่งเด้งฟ้าผ่า อธิบดีดีเอสไอ ซึ่งทั้งสองเหตุการณ์ แม้จะคนละเรื่องราว แต่บนความแตกต่าง มีความเหมือน ซึ่งคมชัดลึกออนไลน์ จะพาไปลำดับเหตุการณ์ 

ตรวจค้นหรือรีดทรัพย์

 

1. วันที่ 6 ธ.ค. 2565 มีการไปร้องเรียนสถานกงสุลนาอูรูประจำประเทศไทยว่า ได้ให้กงสุลนาอูรูเช่าบ้านในย่านสาธร ข้อตกลงคือ ให้เป็นบ้านพักส่วนตัวของกงสุลกับภรรยาและลูกเท่านั้น แต่กลับมีคนจีนเข้าออกทั้งวันทั้งคืน และมีพฤติกรรมรบกวนเพื่อนบ้านจนถูกร้องเรียน ขอให้สถานกงสุลช่วยตรวจสอบด้วย

 

2. สถานกงสุลนาอูรูตรวจสอบแล้วพบว่า บ้านหลังนี้ไม่มีความเกี่ยวข้องกับบุคลากรของสถานกงสุล จึงทำหนังสือถึงกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ขอให้ช่วยไปตรวจสอบบ้านหลังดังกล่าว เพราะเกรงจะกระทบความสัมพันธ์ไทย-นาอูรู

ค้นบ้านกงสุลนาอูรู

3. วันที่ 22 ธ.ค.2565 เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ สนธิกำลังกับตำรวจ 191 รวม 13 นาย เข้าตรวจค้นบ้านหลังดังกล่าว พบว่าเป็นบ้านที่กลุ่มจีนเทาใช้เป็นแหล่งทำพาสปอร์ต และวีซ่าปลอม เจ้าหน้าที่พบเงินสด 2.5 ล้านบาทในบ้าน และจับกุมผู้ต้องหาได้ 1 ราย เป็นหญิงชาวจีนวัย 36 ปี ซึ่งเป็นแม่บ้านดูแลบ้านหลังนี้ จึงนำตัวแม่บ้าน และเงินสดของกลาง ส่ง สน.ทุ่งมหาเมฆ

 

4. วันที่ 27 ธ.ค.2565 "อัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์" ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ออกมาชี้ให้เห็นความผิดปกติของการตรวจค้นจับกุมครั้งนี้ว่า บันทึกการจับกุม ไม่สอดคล้องกับรูปภาพที่ถ่ายไว้ระหว่างตรวจค้นบ้าน ตอนบุกค้นมีแก๊งจีนเทาอยู่ในบ้าน 11 คน และภาพตอนตรวจค้นก็มีชายชาวจีน สวมเสื้อสีขาวนั่งอยู่กับกองเงินสด ชายคนนี้คือ "นายเหมา" ผู้ต้องหาชาวจีนรายสำคัญ ที่มีหมายจับตำรวจสากล อัจฉริยะ ชี้เป้าว่า แล้วนายเหมากับชาวแก๊งหายไปไหน

 

ภาพประกอบ ค้นบ้านกงสุล

5. นอกจากนั้น ในส่วนของเงินสด ที่ชุดจับกุมอ้างว่า ยึดเงินสดได้ 2.5 ล้านบาท แต่จากกองเงินในรูป คาดว่าน่าจะราว 10 ล้าน อัจฉริยะ ชี้เป้าอีกว่า แล้วเงินที่เหลือหายไปไหน จึงเชื่อว่า ชุดจับกุมน่าจะยักยอกเงินของกลางบางส่วนไป และหลังจากนั้น ยังมีการรีดทรัพย์จากแก๊งจีนเทาอีก เพื่อแลกกับการปล่อยตัว เพราะตอนนี้นายเหมา กับชาวแก๊งทั้ง 11 คน เดินทางออกนอกประเทศไทยไปเรียบร้อยแล้ว

 

6. วันที่ 15 ม.ค. 2566 "ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์" ออกมาแฉซ้ำว่า วันที่ไปตรวจค้นบ้านกงสุลนาอูรู นอกจากดีเอสไอกับ 191 แล้ว ยังมีทหารยศสิบเอกสังกัดศูนย์รักษาความปลอดภัย (ศรภ.) เข้าร่วมด้วย สอดรับกับข้อมูลของ "อัจฉริยะ" ทั้งจำนวนคนที่อยู่ในบ้าน และจำนวนเงินที่ตรวจยึด มีมากกว่าที่ระบุ แต่ชุดจับกุมนำส่งแค่ 2.5 ล้าน แต่มาแบ่งกันไม่ลงตัวจึงไปรีดทรัพย์เพิ่มอีก

 

7. ดีเอสไอ นัดให้เพื่อนร่วมแก๊งจีนเทา เอาเงิน 4 ล้านมาส่งที่ปั๊มน้ำมันใกล้บ้าน แล้วให้ "นายอู่" ล่ามชาวจีน ที่ดีเอสไอพาไปตรวจค้นบ้านด้วย เป็นคนขับรถไปเอาเงิน จากนั้น จึงปล่อยตัวจีนเทาทั้ง 11 คนไป โดยชูวิทย์มีคลิปตอนนายอู่ขับรถออกจากบ้านไปที่ปั๊ม แล้วหิ้วถุงใบหนึ่งกลับออกมา

 

8. วันที่ 16 ม.ค.2566 หลังจาก รอง ผบ.ตร.ลงมาตรวจสอบคดีนี้ด้วยตัวเอง พบว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นจริง จึงออกหมายจับบุคคลที่เกี่ยวข้องรวมทั้งสิ้น 16 ราย มีทั้งเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ , ตำรวจ 191 และ ทหาร รวมทั้งล่ามชาวจีน ซึ่งผู้ต้องหาที่เป็นคนไทยทั้งหมด เข้ามอบตัว ทุกคนให้การปฏิเสธ และประกันตัวออกไป

 

9. แชตไลน์หลุด มือขวาของอธิบดีดีเอสไอ ที่ถูกออกหมายจับ ส่งข้อความไปขอให้ตำรวจ 191 สนับสนุนกำลัง เพื่อเข้าตรวจค้นบ้านหลังดังกล่าว เป็นอันหมดข้อโต้เถียง ที่ว่า คดีนี้หน่วยงานไหนเป็นเจ้าภาพกันแน่ เพราะทั้งสองฝ่าย มีการโยนกันไปมา 

 

10. วันที่ 18 ม.ค.2566 มีคำสั่งฟ้าผ่า ย้ายด่วน "ไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ อธิบดีดีเอสไอ" ไปสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ซึ่งคำสั่งดังกล่าว คาดว่า น่าจะเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้

 

เที่ยวแบบ vvip

#เที่ยวแบบvvip 


1. เกิดคลิปไวรัล เมื่อนักท่องเที่ยวสาวจีน โพสต์คลิป รีวิว เมื่อเดินทางมาเที่ยวเมืองไทย และใช้บริการรถตำรวจนำขบวน จากสนามบินสุวรรณภูมิ ไปส่งโรงแรมที่พัทยา โดยจ้างรถตำรวจไทยนำขบวน หากเป็นรถเก๋งตำรวจขับนำ อยู่ที่ 7,000 บาท แต่ถ้าเป็นรถมอเตอร์ไซด์ตำรวจขับนำ อยู่ที่ 6,000 บาท บริการดี รับถึงสนามบิน ลัดช่อง ตม.ให้ ถึงโรงแรมแบบไม่ต้องเจอรถติด เธอเลยเลือกใช้บริการ

 

2. เธอรีวิวต่อว่า เมื่อลงจากเครื่อง มีผู้ชายผมเกรียนในชุดซาฟารี ถือป้ายกระดาษที่มีชื่อของเธอยืนรออยู่ แถมเปิดช่องทางด่วนตรวจคนเข้าเมืองให้ โดยไม่ต้องเข้าคิว ใช้เวลา 5 นาทีก็เรียบร้อย รับกระเป๋าก็ไม่ต้องรอ เลยให้ทิปไป 200 บาท

 

3. เมื่อเดินออกไปนอกสนามบิน ก็เจอตำรวจในเครื่องแบบยืนรออยู่ 2 นาย พร้อมรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ ได้รับการบริการอย่างดี แถมมีน้ำดื่มให้ด้วย 1 ขวด จากนั้น รถมอเตอร์ไซค์ตำรวจ ก็เปิดไซเรนนำทางแล้วขับนำรถยนต์คันที่เธอนั่งไป จากที่เธอเคยเดินทางไปพัทยาใช้เวลา 3 ชม. เมื่อมีรถตำรวจนำทาง แค่ชั่วโมงเดียวก็ถึงแล้ว

 

เที่ยวแบบ vvip

4. เมื่อมีการแชร์คลิปดังกล่าวออกไป กลายเป็นไวรัลทันที แถมมีคนทำซับแปลภาษาไทยให้ด้วย ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก จนเกิดแฮชแท็ก #เที่ยวแบบ VVIP ขึ้น หลายคนตั้งข้อสังเกตว่า เรื่องนี้ทำกันเป็นขบวนการอย่างแน่นอน

 

5. ทันทีที่เป็นกระแส ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ตั้งกรรมการสอบทันที พร้อมเชือด ตำรวจจราจร 2 นาย และตำรวจท่องเที่ยว 1 นาย 

 

6. พล.ต.ต.อภิชาติ สุริบุญญา รอง ผบช.ทท. ในฐานะโฆษกตำรวจท่องเที่ยว ระบุว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า รถที่ใช้เป็นรถส่วนตัว ไม่ใช่รถของทางราชการ ไม่ถือเป็นความผิดทางอาญา แต่มีความผิดทางวินัย เพราะเป็นความประพฤติไม่เหมาะสม 

 

บทสรุปของทั้งสองเหตุการณ์ สะท้อนความตกต่ำในแวดวงตำรวจ ในขณะที่การปฎิรูปตำรวจ 8 ปี ตั้งกรรมการซ้ำหลายชุด แต่ผ่านกฎหมายไปเพียงแค่ฉบับเดียว ที่เหลือยังค้างอยู่ในวาระการพิจารณาของสภา

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ