ข่าว

"สมชัย-วีระ"ร้องกกต.สอบ รทสช. 5 ประเด็น จัดประชุมใหญ่บังหน้าหาเสียง

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"สมชัย-วีระ"ร้องกกต.สอบรทสช. 5 ประเด็น จัดประชุมใหญ่บังหน้าหาเสียงผิดกฎหมายเลือกตั้ง พร้อมขู่ให้เวลา 1 เดือน ไม่งั้นเตรียมโดนม.157

การจัดประชุมใหญ่และเปิดตัวพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ

 

เมื่อวันที่ 19 ม.ค.66 เวลา 10.30 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ประธานยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนนโยบายพรรคเสรีรวมไทย พร้อมนายวีระ สมความคิด ยื่นหนังสือขอให้กกต.ตรวจสอบว่ามีการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งหรือไม่ โดยนำหลักฐานเป็นคลิปวีดีโอ 8 คลิป รูปถ่าย 19 ภาพ และพยานบุคคล 1 คน ที่ไม่ใช่สมาชิกพรรคและเอกสารคำร้องจำนวน 26 หน้า

 

นายสมชัย กล่าวว่า ขอให้กกต.ตรวจสอบ 5 ประเด็น คือ 

ประเด็นที่ 1 การใช้รถหรือยานพาหนะ รถบัส หรือรถตู้ จำนวนมากกว่า 100 คัน ขนคนข้ามจังหวัด มาฟังการปราศรัยในวันที่ 9 ม.ค.ที่ผ่านมา ทำได้หรือไม่ 

 

ในกฎหมายเลือกตั้งระบุว่า การใช้ยานพาหนะขนคนไปใช้สิทธิเลือกตั้งในวันเลือกตั้งถือว่ามีความผิด แต่ในประเด็นนี้การขนคนไปฟังการปราศรัยไม่ได้มีการระบุไว้อย่างชัดเจน จึงจำเป็นขอให้กกต.วินิจฉัย เนื่องจากการขนคนก็ถือว่าเป็นการให้ประโยชน์ ที่สามารถตีมูลค่าเป็นเงินได้ ขนคนจากต่างจังหวัดมากรุงเทพฯ ถือว่าเป็นค่าใช้จ่ายอย่างหนึ่ง 

 

อีกทั้งยังมีความสงสัยว่าอาจจะมีการจัดเลี้ยง เช่น ข้าวกล่อง น้ำดื่ม หรือการจ่ายค่ายานพาหนะ ค่าเสียเวลา

ประเด็นที่ 2 การแจกเสื้อ หมวก และธง เพื่อใช้ในการปราศรัยและไม่เรียกคืน สามารถทำได้หรือไม่ 

 

จากการตรวจสอบพบว่า มีการแจกประมาณ 4,000 ชุด มูลค่ากว่า 1 ล้านบาท แม้ที่เสื้อจะเขียนว่าเป็นทรัพย์สินของพรรค แต่เมื่อเสร็จการประชุม ไม่มีการเรียกคืน ทุกคนนำกลับบ้าน

 

ซึ่งเรามีหลักฐานแจกเสื้อ แจกหมวกในห้องประชุม และยังมีพยานบุคคลที่พร้อมเป็นพยานยืนยันว่า เขาไม่ใช่สมาชิกพรรคได้รับการแจกเสื้อและหมวกจริง ไม่มีการเรียกคืน 

 

ประเด็นที่ 3 การจัดมหรสพนำศิลปินระดับชาติ นายชัชชัย สุขขาวดี หรือหรั่ง ร็อคเคสตร้า มาขึ้นเวทีมาร้องเพลงหาเสียง แม้ไม่ใช่เพลงมหรสพหรือบันเทิง แต่ร้องเพลงของพรรคจำนวน 3 เพลง ในช่วงของการพักเบรคการประชุม สามารถทำได้หรือไม่

เพราะในเชิงปฏิบัติแม้เราเคยบอกว่าให้หลีกเลี่ยงการที่นำศิลปินมาเดินช่วยหาเสียง แต่กรณีนี้การนำศิลปินขึ้นมาบนเวที ก็จะเข้าข่ายการจัดมหรสพ 

 

ประเด็นที่ 4 การปราศรัยของนายไตรรงค์ สุวรรณคีรี สมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ มีการกล่าวถ้อยคำหยาบคาย รุนแรง และพาดพิงถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ รวมถึงพูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในทางที่ไม่เหมาะสม ถือว่าเป็นการกระทำที่ผิดต่อระเบียบการหาเสียงของกกต.อย่างชัดเจน 

 

ประเด็นที่ 5 เกี่ยวกับการจัดประชุมใหญ่วิสามัญของพรรค จากการดูป้าย จากการกล่าวการปราศรัยของหัวหน้าพรรค ที่ระบุว่า วันไหนเป็นประชุมวิสามัญของพรรค 

 

แต่หากติดตามรายละเอียดการประชุมในวันนั้น จะไม่มีการลงชื่อของผู้เข้าร่วมประชุม ไม่มีการประชุมตามวาระ เช่น ประธานกล่าวเปิดประชุม พิจารณาเป็นวาระ หรือแม้กระทั่งการลงมติที่จะเลือกกรรมการสรรหานั้นก็ไม่มีการปรากฎให้เห็น ซึ่งอาจจะไม่ใช่การจัดประชุม เพียงแต่ว่าใช้ชื่อการประชุมเพื่อบังหน้า แต่เป็นการหาเสียง

นายสมชัย กล่าวต่อว่า อยากให้กกต.วินิฉัย ใน 5 ประเด็นที่ชัดเจน หากวินิจฉัยว่าสามารถทำได้ก็จะเป็นบรรทัดฐานให้กับพรรคการเมืองอื่นๆทำได้เช่นกัน หากไม่สามารถทำได้ กกต. ต้องมีมติส่งต่อไปยังศาลฎีกาเพื่อให้มีคำพิพากษาในคดีดังกล่าว และลงโทษตามกฎหมายเลือกตั้ง ซึ่งมองว่าเป็นความผิดในมาตรา 73 (1) ถึง (5)ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. ซึ่งกำหนดโทษพรรคการเมือง ผู้สมัคร กรรมการบริหารพรรค หรือผู้หนึ่งผู้ใด กระทำความผิดจำคุก 1-10 ปี ปรับ 2 หมื่นถึง 2 แสน และแต่สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นเวลา 20 ปี 

 

ทั้งนี้หากเกิดการยุบสภา คดีดังกล่าวจะสิ้นสุดลงและไม่ถือว่าเป็นความผิดนั้น นายสมชัยขอเตือน กกต. ว่า ต้องวินิจฉัยว่าจะเดินหน้าต่อหรือไม่ หากไม่เดินหน้าต่อกกต.จะมีปัญหา เพราะจะถือว่าตัดสินเพื่อเอื้อประโยชน์ต่อพรรคการเมืองบางพรรคหรือไม่ ซึ่งการตัดสินเช่นนี้เคยมีบทเรียน ในกกต.ชุดที่ 2 ถึงขั้นติดคุกติดตาราง และพ้นจากตำแหน่งยกชุดมาแล้ว 

 

ดังนั้นจึงอยากให้คิดให้ดีว่า แม้จะมีการยุบสภา คดีจะต้องไม่สิ้นสุดต้องเดินหน้าต่อ หรือระหว่างก่อนจะถึงช่วงยุบสภา หรือเลือกตั้ง ก็ต้องแสดงความกระตือรือร้นในการทำคดี ไม่ใช่รับเรื่องนี้เข้ามาและสอบอย่างล่าช้า รอให้มีการเลือกตั้งเกิดขึ้นก่อน คนก็จะลืมไป ถือเป็นการจงใจให้เกิดความล่าช้า จนเป็นเหตุให้พรรคใหญ่สามารถลงสมัครรับเลือกตั้งได้ ซึ่งเป็นข้อหาของกกต.ชุดที่ 2 และศาลเคยมีคำสั่งว่ากกต.ผิด เนื่องจากล่าช้า ถึงขั้นจำคุก ซึ่งการจำคุกเพียงแค่ 1 วันก็ขาดจากการเป็นกกต. แล้ว อยากฝากเป็นบทเรียนให้กับกกต.ชุดนี้ด้วย อะไรผิดก็ถือว่าผิด ชี้แจงให้สังคมเห็นว่า อะไรทำได้หรือทำไม่ได้

 

"มั่นใจพยานหลักฐานที่มอบให้ ปรุงให้เสร็จพร้อมให้ท่านเคี่ยว ถ้าท่านวางเฉยอยู่บนโต๊ะก็จะมีปัญหาได้" นายสมชัย กล่าว

 

ด้านนายวีระ กล่าวว่า เราได้นำหลักฐานที่เป็นเสื้อ และหมวกที่ประชาชนที่ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคแต่ได้เข้าไปร่วมงนงานใรวันนั้น และได้รับแจก ตนจะให้เวลากับ กกต.ไม่เกิน 1 เดือน ต้องมีความชัดเจน เพราะถือว่าไม่ได้มีความยากเย็น หากไม่ดำเนินการ ทางเราเองก็จะดำเนินการตามกฎหมายกับเจ้าหน้าที่ กกต. ที่อาจจะเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 โดยวันนี้กกต.ออกเลขรับเรื่องแล้วถือว่ารับรู้แล้ว เรื่องนี้อายุความมันยาวไป 15 ปี ถ้าอยากจะท้าทายกฎหมาย อยากจะลองก็เชิญ 

 

 

logoline