พรุ่งนี้รู้ผลตรวจแอลกอฮอล์คนขับ "เบนท์ลีย์" โฆษก ตร.ยันเอาผิดไม่มีละเว้น

9 ม.ค.2566  กลายเป็นประเด็น วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างแพร่หลาย กรณีอุบัติเหตุรถยนต์ ชนหลายคัน และมีบาดเจ็บหลายราย โดยเหตุเกิดบนทางด่วนเฉลิมมหานคร  เมื่อเวลาประมาณ 00.30 น. ของวันที่ 8 ม.ค.2566 ที่ผ่านมา โดยอุบัติเหตุดังกล่าว เป็นรถยนต์หรู ยี่ห้อ เบนท์ลีย์ ซึ่งขับมาด้วยความเร็ว แซงซ้ายแล้วเบี่ยงเข้าขวา ก่อนจะพุ่งชนรถมิตซูบิชิ ปาเจโร่ ป้ายแดง ซึ่งวิ่งอยู่ในช่องทางกลาง  จากนั้นรถดับเพลิง อปพร.บางรัก ซึ่งวิ่งอยู่ในช่องทางขวา กำลังมุ่งหน้าไปสนับสนุนเหตุเพลิงไหม้ในซอยสุขุมวิท 103 หรือซอยอุดมสุข ชนซ้ำจนรถปาเจโร่ เกิดเสียหลักพลิกหงายท้อง 
 

 

 

 

 

 

 

 

หลังเกิดเหตุ ปรากฎว่าคนขับรถหรู เบนท์ลีย์ ซึ่งมีลักษณะคล้ายมีอาการมึนเมา พยายามหลบหนีออกจากที่เกิดเหตุด้วยการเดินลงจากทางด่วนไปขึ้นรถแท็กซี่ พร้อมกับหญิงสาวที่นั่งรถมาด้วย แต่เจ้าหน้าที่อาสากู้ภัยฯ เห็นดังนั้นจึงได้ขับรถตามรถแท็กซี่ และพยายามให้คนขับรถเบนท์ลีย์ลงมาจากแท็กซี่ ซึ่งในช่วงแรกไม่ยอมพร้อมอ้างว่า ตนเองไม่ได้เมา

 

 

 

 

กระทั่งต่อมาชายคนขับรถเบนท์ลีย์ ยอมเดินทางไปสถานีตำรวจ  แต่หลบเลี่ยงการตรวจวัดแอลกอฮอล์  ซึ่งต่อมาทราบว่าคนขับรถเบนท์ลีย์ คือนายสุทัศน์ (สงวนนามสกุล) นักธุรกิจ ซื้อขายที่ดิน ตลาดสด ขายวัสดุก่อสร้าง และยังเป็นนายทุนใหักับนักการเมืองพรรคหนึ่ง

 

 

 

 

ด้าน พ.ต.ท.พิเชษฐ์ ก้อนแพง รองผกก.(สอบสวน) สน.ทางด่วน 1 เปิดเผยว่ากรณีดังกล่าวได้ ทำบันทึกประจำวันและส่งตัวคนขับรถไปตรวจเลือดที่โรงพยาบาลตำรวจเพื่อหาปริมาณแอลกอฮอล์แล้ว โดยเจ้าหน้าที่ยังไม่มีการแจ้งข้อหาใด ๆ กับคนขับรถ เนื่องจากต้องรอผลตรวจยืนยันจากแพทย์ และทางผู้เสียหายที่อยู่ระหว่างรักษาอาการบาดเจ็บก่อน โดยเบื้องต้น คนขับรถเบนท์ลีย์ ยินยอมรับผิดชอบค่าเสียหายทั้งหมด 

 

 

 

 

 

 

ล่าสุด   พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (โฆษกตร.) กล่าวถึงกรณีอุบัติเหตุ ดังกล่าวว่า พนักงานสอบสวนได้ดำเนินคดีกับคนขับไปแล้ว พร้อมส่งไปตรวจเลือดว่ามีปริมาณแอลกอฮอล์หรือสารเสพติดหรือไม่คาดว่าพรุ่งนี้น่าจะทราบผล การดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาหรือดำเนินการใด ๆ กับผู้ขับขี่ต้องเป็นไปภายใต้กรอบของกฎหมาย

 

 

 

 

“ขอย้ำว่าทุกคนต้องอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมาย ซึ่งตำรวจจะดำเนินการตามขั้นตอนไม่ชักช้า เรื่องนี้ผู้เสียหายได้มีการลงบันทึกประจำวันและสอบปากคำไว้แล้ว พร้อมระบุเหตุการณ์ทุกอย่างอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นตำรวจมีการเก็บภาพและคลิปไว้อยู่แล้วสามารถใช้เป็นพยานหลักฐานได้ ซึ่งจะมีการรวบรวมหลักฐานและพิจารณาแจ้งข้อหาตามที่พฤติกรรมที่ปรากฎทุกอย่าง และจะเร่งรัดผลการตรวจเพื่อให้เกิดความโปร่งใสและเป็นธรรม”