"สันธนะ" แฉบ้าง "ชูวิทย์" กู้เงินบริษัทตนเอง เตรียมส่งเอกสารสรรพากรตรวจสอบ

มีข้อมูแฉกันอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดทางด้านนาย สันธนะ ประยูรรัตน์  อดีตตำรวจสันติบาลได้แถลงข่าว พร้อมกับนำเอกสารข้อมูลการทำธุรกิจบริษัทในเครือของนาย ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ มาตั้งคำถามไปยังนาย ชูวิทย์ ว่าที่ผ่านมาการทำธุรกิจอาบอบนวด เคยเสียภาษีให้รัฐมากน้อยแค่ไหน 

นาย สันธนะ  อ้างว่าพบความผิดปกติในการกู้ยืมเงินในบริษัทแห่งหนึ่งของนายชูวิทย์  แบบผิดปกติ โดยเฉพาะประเด็นที่บริษัทมีผลประกอบการขาดทุน แต่กรรมการบริษัท กลับมีการกู้ยืมเงินบริษัท แม้ว่าจะทำได้แต่ถือว่าผิดปกติ อีกทั้ง ยังพบการทำธุรกรรมการเงินที่เกี่ยวข้องกับการไถ่ถอนที่ดิน ที่ผิดปกติ

สำหรับการประกอบธุรกิจอาบอบนวดของนาย ชูวิทย์  นาย สันธนะอ้างว่า มีบุคคลสำคัญอดียเคยดำรงตำแหน่งเป็น ผบ.ทบ.  มีความใกล้ชิดสนิทสนม และคอยให้การสนับสนุนนาย ชูวิทย์ 

 ส่วนตัวเคยเข้าไปร่วมทำธุรกิจกับนายชูวิทย์ จึงทราบข้อมูลมาพอสมควร และที่ผ่านมานายชูวิทย์ ก็เคยมีปัญหาขัดแย้งกับนักธุรกิจที่ทำอาบอบนวด ด้วยกันมาก่อนเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม นายสันธนะ ได้เตรียมส่งเอกสารหลักทั้งหมด ให้ "กรมสรรพากร" ตรวจสอบการเสียภาษีของนายชูวิทย์ ย้อนหลังกลับไปตั้งแต่การประกอบธุรกิจปีแรก

 การเคลื่อนไหวของนาย ชูวิทย์  มีเจตนาแอบแฝงด้วยอาการขับเคลื่อนทางการเมือง  วันนี้ วัตถุประสงค์ทางการเมือง ถือว่าสำเร็จแล้ว จึงเชื่อว่า การเคลื่อนไหวของนายชูวิทย์ น่าจะค่อยๆยุติลง

ส่วนกรณีที่นายชัยณัฐร์กรณ์ ชายานันท์ หรือ "ตู้ห่าว"  ถูกดำเนินคดีจนถึงขณะนี้ยังไม่มีการยื่นประกันตัว นายสันธนะ  ระบุว่า นาย "ตู้ห่าว" ไม่ได้รับความเป็นธรรม ไม่มีโอกาสได้ชี้แจงข้อเท็จจริงต่อสื่อมวลชนเลย

นายสันธนะ  ยังบอกอีกว่า จ้าวเหว่ย เเคยให้สัมภาษณ์ว่า ปัจจุบัน กาสิโนคิงส์โรมัน เขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ ได้มีนักลงทุนชาวสิงคโปร์ เข้ามาเช่าทำธุรกิจระยะยาวแล้ว โดยได้เปลี่ยนชื่อเป็น ALLUXI CASINO

ส่วนประเด็นที่ นายพันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ หรือ "นอท CEO กองสลากพลัส" เคยออกมาให้สัมภาษณ์ว่า นายสันธนะ ไม่มีอำนาจตามกฎหมาย นายสันธนะ ยอมรับว่า ตัวเองไม่ใช่คนดี แต่ยืนยันว่าการที่ตัวเองถูกให้ออกจากราชการ ไม่ได้มีสาเหตุมาจากการทุจริตต่อหน้าที่ อีกทั้ง การถูกถอดยศตำรวจ มีสาเหตุมาจากปัจจัยทางการเมือง