ข่าว

"ทนายตั้ม" ควงดาราสาวยื่นค้านประกัน หลานอดีตรัฐมนตรีข่มขืน

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"ทนายตั้ม" ควงดาราสาวยื่นค้านประกัน หลานอดีต รัฐมนตรีข่มขืน หลังศาลเบิกตัวสอบคำให้การ จำเลยให้การปฏิเสธ เตรียมเข้าเป็นโจทก์ร่วมพร้อมเรียกค่าเสียหาย

นาย ษิทรา เบี้ยบังเกิด ​​​​​​หรือ "ทนายตั้ม"  และ "ดาราสาว" ผู้เสียหาย อายุ 22 ปี  ได้เดินทางมาติดตามคดีที่ "ศาลอาญา" นัดสอบคำให้การจำเลย คดีที่พนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 9 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายอภิดิศร์ หรือเอ็ม อินทุลักษณ์ อายุ 34 ปี ในความผิดฐาน ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยผู้อื่นอยู่ในภาวะที่ไม่อาจขัดขืนได้ กระทำอนาจารแก่บุคคลอายุกว่า 15 ปี โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยบุคคลนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่อาจขัดขืนได้ ข่มเหง คุกคาม โดยกระทำอันมีลักษณะส่อไปในทางที่จะล่วงเกินทางเพศ  ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 276 ,278, 397
 จากกรณีที่นายอภิดิศร์ติดต่อว่าจ้างให้ผู้เสียหายซึ่งเป็นดารานักเเสดง รีวิวสินค้า เป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เเละมีการล่วงละเมิดทางเพศ ภายในห้องพักที่รีสอร์ตแห่งหนึ่ง ย่านนาคนิวาส เหตุเกิดเมื่อวันที่ 9 ส.ค.2565 


 นายษิทราหรือ "ทนายตั้ม"  ให้สัมภาษณ์ว่า สืบเนื่องจากเมื่อวานนี้ พนักงานอัยการได้ฟ้องนายนายอภิดิศร์ เป็นจำเลย ข้อหาข่มขืนในภาวะที่ไม่อาจขัดขืนได้ ต่อศาลอาญา ซึ่งวันนี้ได้มีการเบิกตัว นายอภิดิศร์ หรือเอ็ม จำเลยมาศาลเพื่อสอบคำให้การ และทราบว่าจำเลยให้การปฏิเสธ และได้พยายามยื่นขอประกันหลายครั้ง เป็นวงเงินจำนวนถึง 15 ล้านบาท แต่ว่าศาลชั้นต้นกับศาลอุทธรณ์ไม่อนุญาตให้ประกันตัว หลังจากนี้จะต้องเป็นไปตามกระบวนการนัดตรวจพยานหลักฐานและสืบพยานต่อไป ขณะเดียวกันวันนี้ดาราสาวผู้เสียหายก็ได้มาติดตามคดี หลังจากมาคัดค้านการประกันตัวตั้งแต่เมื่อวานนี้ เพราะครบกำหนดฝากขังครั้งสุดท้าย ถ้าหากเมื่อวานนี้อัยการไม่สามารถยื่นฟ้องต่อศาลได้ทันกำหนด ก็จะต้องปล่อยตัวจำเลยออกมาจากเรือนจำ จึงต้องขอบคุณพนักงานอัยการที่เร่งสั่งฟ้องต่อศาล ทั้งที่เพิ่งจะได้รับสำนวนคดีมาค่อนข้างจะช้า
นายษิทรา  กล่าวต่อว่า สำหรับพยานหลักฐานต่างๆ ในคดีนี้ น้องผู้เสียหายพยายามหาพยานหลักฐานด้วยตัวเองทุกอย่าง ตั้งแต่วันแรกที่เกิดเหตุแล้ว ไม่ว่าจะไปโรงพยายาลเพื่อจะตรวจร่างกาย หรือข้อความแชทที่หายไป ปรึกษาผู้ใหญ่และมอบหลักฐานทุกอย่างให้พนักงานสอบสวนจนสรุปสำนวนคดี ส่งให้พนักงานอัยการยื่นฟ้อง

ซึ่งเจออุปสรรคมากมาย แต่ถือว่าฟันฝ่ามาได้เกินครึ่งทางแล้ว เหลือแต่รอศาลมีคำพิพากษาว่าอย่างไร  ซึ่งในวันนัดพร้อมโจทก์-จำเลย ทาง "ดาราสาว" ผู้เสียหายเตรียมจะยื่นเข้าเป็นโจทก์ร่วม และตนจะเป็นทนายความให้ด้วย แต่ไม่ใช่ว่าเราไม่ไว้ใจพนักงานอัยการ ที่เป็นโจทก์ เพียงแต่ถ้าเป็นโจทก์ร่วมเราจะสามารถรู้และตามคดีได้ รวมทั้งมีสิทธิที่จะอุทธรณ์หรือฎีกา นอกจากนี้ยังสามารถเรียกค่าเสียหายได้ด้วย แต่ก็ยังไม่ได้พูดคุยกับผู้เสียหายว่าจะต้องเรียกเป็นเงินจำนวนเท่าใด จะต้องไปคำนวณเรื่องค่าเสียหาย โดยตนจะแนะนำให้เรียกค่าเสียหายตามความเป็นจริง ตามความเหมาะสม อย่างไรก็ตามจุดมุ่งหมายในการดำเนินคดีนี้ ไม่ได้มุ่งหวังเงิน แต่ต้องการความเป็นธรรมเพราะว่าน้องถูกกระทำแบบนี้ 
“น้องเขากังวลเรื่องความปลอดภัยด้วย   เกรงว่าหากจำเลยได้รับการประกันตัว จะไปยุ่งเหยิงพยานหลักฐานและสามารถจะเดินทางออกนอกประเทศได้ เพราะมีธุรกิจอยู่ต่างประเทศ” นาย "ษิทรา" กล่าว 

ด้าน "ดาราสาว" ผู้เสียหาย กล่าวว่า  คดีจะไม่ดำเนินมาได้ไกลขนาดนี้ หากไม่มี "ทนายตั้ม  "ตำรวจ"  พี่สาว และผู้ใหญ่ที่ให้การช่วยเหลือ แม้จะเจออุปสรรคและอิทธิพลต่างๆ ซึ่งตนเองพยายามเข้มแข็ง และรู้ตัวเองว่าต้องการความยุติธรรม อยากให้ศาลพิพากษาไปตามกระบวนการทางกฎหมาย อยากให้จำคุก ส่วนเรื่องค่าเสียหายนั้นยังไม่ได้คิด คงต้องปรึกษาทนายตั้ม เพราะตอนนี้ติดตามคดีความเพียงอย่างเดียว และพร้อมจะเป็นพยานโจทก์ให้กับพนักงานอัยการในขั้นตอนสืบพยานในชั้นศาล

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ