ข่าว

"ผู้บริโภค" ค้าน มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กรณีเตรียมฟ้องควบรวมค่ายมือถือ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

กลุ่ม "ผู้บริโภค" รวมตัวยื่นหนังสือค้าน มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กรณีเตรียมฟ้องควบรวมค่ายมือถือ ชี้อาจเข้าข่ายละเมิดสิทธิ์ผู้บริโภคอีกหลายกลุ่มที่เห็นต่าง มั่นใจควบรวมทรู-ดีแทค ผู้บริโภคได้ประโยชน์อื้อ

จากกรณีที่มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค คัดค้านการควบรวม ‘ทรู-ดีแทค’ โดยได้รวบรวมรายชื่อผู้ไม่เห็นด้วยกับการควบรวมจากการจัดเวทีคัดค้านการควบรวมตามสถานที่ต่างๆ ก่อนนำไปสู่การจับมือร่วมกับสภาคุ้มครองของผู้บริโภค เตรียมฟ้องศาลคัดค้านการควบรวมทรู-ดีแทคนั้น    ล่าสุด เมื่อวันที่ 9 พ.ย.65  ตัวแทนกลุ่มผู้บริโภคผู้ใช้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ของค่ายทรูและค่ายดีแทค นำโดยนายคงชัช แก้วสุขโข ตัวแทนผู้ใช้บริการดีแทค และนายจิราวัฒน์ พีรศักดิ์ภักดี ตัวแทนผู้ใช้บริการทรู เดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อ “มูลนิธิผู้บริโภค”  โดยเปิดเผยว่า การมายื่นหนังสือครั้งนี้เพื่อขอความเป็นธรรมและเรียกร้องให้มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคได้รับฟังความคิดเห็นและความต้องการของลูกค้ากลุ่มที่ต้องการให้มีการควบรวม 2 เครือข่ายโทรศัพท์โดยเร็ว

เช่นเดียวกับการรับฟังเสียงของกลุ่มผู้ไม่เห็นด้วย เนื่องจากผู้บริโภคทุกกลุ่มมีสิทธิที่จะได้รับการคุ้มครองอย่างเท่าเทียมกัน ตามสิทธิที่พึงมี โดยไม่เบียดเบียนสิทธิผู้อื่น  พร้อมทั้งเห็นว่า หากมูลนิธิฯ จะฟ้องศาลคัดค้านการควบรวมทรู-ดีแทคนั้น จะต้องเป็นผู้เสียหายและมีผู้บริโภคที่ถูกละเมิดสิทธิ์ แต่การดำเนินการของมูลนิธิผู้บริโภคและสภาคุ้มครองผู้บริโภคกำลังเดินสายอ้างสิทธิ์ผู้บริโภคและกำลังละเมิดสิทธิ์ผู้บริโภคอีกฝ่ายหนึ่ง เพราะมีผู้บริโภคจำนวนมากที่ต้องการให้เกิดการควบรวม โดยหวังเข้าถึงบริการ 5G และบริการใหม่ๆ เพื่อคุณภาพสินค้าและบริการที่ดีขึ้น

ทั้งนี้ นายคงชัช เห็นว่า การหน่วงรั้งและการพยายามฟ้องร้องของสภาฯ และมูลนิธิโดยใช้ข้อมูลด้านเดียวอาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้บริโภค และอาจนำมาซึ่งผู้บริโภคต้องฟ้องร้องสภาผู้บริโภคที่กำลังจะเข้าข่ายการละเมิดสิทธิ์ผู้อื่นเสียเอง  พร้อมขอให้มูลนิธิฯ วางตัวเป็นกลาง ไม่ควรให้ข้อมูลด้านเดียว เพราะอาจทำให้สังคมได้รับข้อมูลไม่ครบถ้วน และถูกทำให้มองข้ามโอกาสและประโยชน์ที่ผู้บริโภคจะได้รับ ทั้งนี้การนำเสนอข้อมูลโดยอ้างถึงเสียงผู้บริโภคนั้น ต้องพิจารณาว่า มีหน่วยงานที่ทำหน้าที่กำกับดูแลด้านราคาอยู่แล้วหรือไม่ และการคุ้มครองผู้บริโภคต้องเดินหน้าไปพร้อมกับการปรับตัวของโลกและการเปลี่ยนแปลงรอบตัว

“ผู้บริโภคทุกกลุ่มมีสิทธิ์ที่จะได้รับการคุ้มครองอย่างเท่าเทียมกัน เพราะมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคมีบทบาทในการคุ้มครองผู้บริโภคทุกคน ไม่ควรเลือกรับฟังเสียงของกลุ่มใดกลุ่ม ซึ่งพวกเราเป็นกลุ่มลูกค้าตัวจริงที่เห็นว่า ขณะนี้เรากำลังถูกละเมิดสิทธิ์ผู้บริโภค ซึ่งที่ผ่านมา มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคไม่เคยที่จะนำเสนอข้อมูลให้สาธารณชนได้รับทราบ ทั้งที่เป็นประโยชน์ของกลุ่มผู้ใช้บริการทรู-ดีแทค และประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะประโยชน์ที่ชัดเจนที่ลูกค้าแต่ละค่ายจะได้รับจากการควบรวมครั้งนี้ ตัวอย่างเช่น ลูกค้าดีแทคจะได้ใช้สิ่งอำนวยความสะดวกที่ทรูมีอยู่หลังจากการรวมกิจการ ทั้งเรื่องเครือข่ายทรู 5G ที่ครอบคลุมทั่วประเทศ อินเทอร์เน็ตบ้านทรูออนไลน์  เคเบิลทีวีทรูวิชั่นส์ และคอนเทนท์จากทรูไอดี รวมถึงจำนวนศูนย์บริการที่มีจำนวนมาก และสิทธิประโยชน์จากทรูยู รวมถึงบริการอื่นๆ ของทรูเช่น ทรูเฮลท์ ทรูมันนี่ ตลอดจนสิทธิพิเศษอื่นๆ ที่ได้จากการเป็นลูกค้าทรู นอกจากนี้ประโยชน์ที่เห็นได้ชัดเจนอีกเรื่องคือสัญญาณเครือข่ายที่ดีขึ้น เพราะหลังการควบรวมแล้ว เสาสัญญาณจะมีเพิ่มมากขึ้น สัญญาณเร็ว แรง และครอบคลุมพื้นที่ใช้งานมากขึ้น ทำให้ผู้ใช้งานทรูและดีแทคจะได้ใช้งานทั้งโทรและเน็ตที่ดียิ่งขึ้น    มีความต่อเนื่องครอบคลุมทุกพื้นที่   และประการสำคัญในมุมมองของผู้ใช้บริการทั้ง 2 ค่ายเห็นว่า การควบรวมครั้งนี้ จะทำให้มีการแข่งขันกันระหว่างผู้ประกอบการรายอื่น  โดยเฉพาะรายใหญ่ที่จะต้องเร่งกันแข่งขันแย่งลูกค้า  ทำให้ทั้งทรูและดีแทคต้องไม่หยุดนิ่งเร่งในการเสริมบริการและสิทธิพิเศษต่างๆ มาเพิ่มมากขึ้นเพื่อรักษาฐานลูกค้าเดิม และแสวงหาลูกค้ารายใหม่ ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลที่ทั้งสองค่ายจะปรับเพิ่มราคาสูงขึ้นเพราะจะทำให้ลูกค้าย้ายค่ายได้  และเราเชื่อว่า เมื่อทั้งสองบริษัทร่วมกันจะมีความสามารถในการลงทุนเพื่อขยายเครือข่ายให้ดียิ่งขึ้น สามารถพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ รองรับการเติบโตของธุรกิจดิจิทัลได้ด้วย” นายคงชัช กล่าว 

ด้าน นายจิราวัฒน์  ยืนยันว่า พวกเราผู้บริโภคเห็นข้อดีมากมาย และเห็นชัดเจนว่าการควบรวมครั้งนี้จะทำให้ลูกค้าดีแทคและทรูจะได้ประโยชน์ทันทีไม่เสียประโยชน์แต่อย่างใด  ขณะเดียวกันก็เชื่อมั่นในบทบาทและอำนาจกสทช. ที่ผ่านมา สามารถดูแลผู้ใช้บริการตามกฎหมายที่มีอยู่เป็นที่น่าพอใจ  จึงขอเรียกร้องให้มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคให้ความสำคัญข้อมูลความคิดเห็นของผู้บริโภคตัวจริงด้วยการนำเสนอชุดข้อมูลอีกด้านต่อสาธารณชน  รวมทั้งเรียกร้องให้ยุติการดำเนินการใดๆ ที่จะทำให้การควบรวมครั้งนี้ล่าช้าไปกว่านี้อีก เพราะผลที่เกิดขึ้นกระทบโดยตรงต่อผู้บริโภคที่จะได้ประโยชน์ทันทีหลังการควบรวม

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ