ข่าว

"สถานบันเทิง" แหล่งฟอกเงิน..??? ของ กลุ่มทุนจีน"ธุรกิจสีเทา"

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ทีมข่าว"คมชัดลึกออนไลน์" ตีแผ่ "สถานบันเทิง" ยามค่ำคืน ของ กลุ่มทุนจีน"ธุรกิจสีเทา" แหล่งฟอกเงินผิดกฎหมาย จริงหรือไม่

หากพูดถึง"ธุรกิจสีเทา" หลายคนอาจจะนึกถึงเรื่อง "บ่อนการพนัน-หวย-อาบอบนวด-เงินกู้-โต๊ะบอล" เป็นหลัก แต่หลายคนยังไม่รู้ว่า ปัจจุบัน"สถานบันเทิง"ยามค่ำคืน ก็ถือเป็น "ธุรกิจสีเทา" อีกอย่างหนึ่ง ซึ่งสร้างได้อย่างมหาศาล

 

กระแสข่าวของ กลุ่มทุนจีน"ธุรกิจสีเทา" เริ่มเป็นที่จับตามอง เมื่อเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง บุกทลาย"คลับวันพัทยา" ระหว่างเข้าตรวจค้นจับกุม "เสี่ยเอี๋ยว" เจ้าของสถานบันเทองดังกล่าว ได้พูดจาโวยวายใส่เจ้าหน้าที่ โดยอ้างว่า "เคลียยอดแล้ว ทำไมเข้ามาจับ" นอกจากนี้ยังกล่าวอ้างว่า สนิทสนมกับผู้ใหญ่ในจังหวัดชลบุรี ก่อนที่ต่อมาจะออกมากล่าวขอโทษในโลกโซเชียลมีเดีย ล่าสุด  "เสี่ยเอี๋ยว" ถูกตำรวจพัทยาจับกุมในข้อหา "สวมทะเบียนราษฎร์"

 

ต่อมา เมื่อวันที่ 29 ต.ค.65 "ผู้การจ๋อ" พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น.ควงแขน "ผู้การปู" พล.ต.ต.นครินทร์ สุคนธวิท ผบก.น.6 นำกำลังเข้าทลายปาร์ตี้ยาเสพติด ภายในสถานบันเทิงจินหลิง พื้นที่ สน.ยานนาวา จับกุมนักท่องเที่ยวชาวจีนกว่า 237 ชีวิต มั่วสุมเสพยาเสพติด ท่ามกลางข้อมูลข่าวลือต่างๆว่า เจ้าของสถานบันเทิงแห่งนี้ เป็นคนจีน และมีศักดิ์เป็นหลานเขย อดีตนายตำรวจใหญ่ และยังเคยเป็นรัฐมนตรี 

ก่อนที่ "จอมแฉ"ชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ อดีต ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรครักประเทศไทย จะออกมาสาวไส้ กลุ่มทุนจีน"ธุรกิจสีเทา"  ว่า สถานบันเทิงแบบนี้จะรับลูกค้าที่เป็นชาวจีนเท่านั้น มีการรับฝากยาเสพติดที่เสพไม่หมด ไม่ต้องเสี่ยงถูกตรวจค้นจากด่านตำรวจ และสถานที่่ที่ตำรวจบุกเข้าไป ไม่ได้เป็นเพียงผับเท่านั้น ยังเปิดเป็นบ่อนการพนันด้วย รวมถึงนำ น้ำดื่ม สุรา บุหรี่ นำเข้ามาจากประเทศจีน และจ้างคนจีนเป็นเด็กเสิร์ฟ จึงเรียกสถานบันเทิงประเภทนี้ว่า "ผับศูนย์เหรียญ" คือ เจ้าของเป็นคนจีน ของทุกอย่างมาจากประเทศจีนทั้งหมด

 

โดยเข้ามาทำธุรกิจสีเทาอย่างยิ่งใหญ่ในประเทศไทย เรียกว่า ไม่เกรงใจคนไทยเลยแม้แต่น้อย เพราะนายทุนจีนชอบจ่ายหนักให้กับเจ้าหน้าที่รัฐ จึงสามารถเปิด"ธุรกิจสีเทา" ได้อย่างเต็มที่ มีเจ้าพ่อเมืองหลวง ซึ่งเป็นนักการเมืองใหญ่ให้ความคุ้มครอง ที่ทำหน้าที่หาเงินสีเทาเพื่อเอาไปให้กลุ่มการเมือง ตลอดจนเป็นทุนในการใช้เลือกตั้งในครั้งต่อไป

ขณะเดียวกัน "บิ๊กต่อ" พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร.และ "บิ๊กโจ๊ก" พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.แท็กทีมนำกำลังตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายของ กลุ่มทุนจีน"ธุรกิจสีเทา" รวม 35 จุด ทั่วกรุงเทพมหานคร นอกจากนี้ยังเข้าตรวจค้นบ้านพักของ "อดีตรัฐมนตรีคนดัง" ซึ่งเชื่อว่าอยู่เบื้องหลัง กลุ่มทุนจีน"ธุรกิจสีเทา" ก่อนที่ "บิ๊กโจ๊ก" พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล จะออกมาคำรามประกาศว่า หากพบมีการกระทำความผิด จะดำเนินคดีทันที โดยไม่สนใจว่าเป็นใคร 

 

สำหรับ กลุ่มทุนจีน"ธุรกิจสีเทา" เริ่มเข้ามามีบทบาทในประเทศไทย เมื่อประมาณ 5-6 ปีที่แล้ว ก่อนช่วงวิกฤติโควิด โดยมีการนำเงินจากต่างประเทศมาฟอกในเมืองไทย เริ่มต้นจากการทำสถานบันเทิงชื่อดัง ย่านเอกมัย มี"นาย ด."เป็นหัวเรือใหญ่ และมีอดีตนายตำรวจระดับ "พล.ต.อ."เป็นแบล็คอัพ คอยช่วยเหลือซัพพอร์ต ต่อมาเกิดความขัดแย้งภายใน กลุ่มทุนจีน"ธุรกิจสีเทา" จึงแยกตัวมาเปิดสถานบันเทิง ย่านสุทธิสาร โดยมีอดีตรัฐมนตรีคนดัง เป็นคนดูแลเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ กระทั่งเกิดวิกฤตโควิด สถานบันเทิงทั้ง 2 แห่ง จึงต้องปิดบริการตามมาตราการรัฐบาล 

 

หลังจากวิกฤตโควิด เริ่มบางเบา กลุ่มทุนจีน"ธุรกิจสีเทา" นำเม็ดเงินกว่า 500 ล้าน มาเปิดสถานบันเทิงแห่งใหม่ ย่านอาร์ซีเอ ซึ่งปัจจุบันถือว่า เป็นสถานบันเทิงยอดฮิตของเหล่านักท่องราตรี สถานที่แห่งนี้ขึ้นชื่อว่า เป็นสถานบันเทิงยอดฮิตที่สุดในกรุงเทพมหานคร ณ ขณะนี้ 

 

อย่างไรก็ตาม ต้องจับตามมองกันยาวๆ ว่า การปราบปรามกลุ่มทุนจีน"ธุรกิจสีเทา" เป็นการดำเนินการปราบปรามอย่างจริงจัง หรือเป็นเกมการเมือง "ซ่อนเงื่อนปม" หรือว่าจะเป็น"มวยล้มต้มคนดู"


 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ