เล่าย้อนคดี "แม่ปุ๊ก" วางยาลูก หลักฐานชิ้นสำคัญจนนำสู่พิพากษาประหารชีวิต

ย้อนรอยคดีที่สร้างความสะเทือนใจอย่างมากเมื่อปี 2563 "แม่ปุ๊ก" วางยาลูกสาวบุญธรรม "น้องอมยิ้ม" จนเสียชีวิต และ ลูกชายแท้ๆ "น้องอิ่มบุญ" เกือบเอาชีวิตไม่รอด ซึ่งวันนี้เราจะมาเปิดใจ พ.ต.ท.เอกสิทธิ์ ปานสีทา รองผู้กำกับการ กองกำกับการ 4 กองปราบปราม ซึ่งเป็นชุดทำงานที่สืบสวนทุกอย่างจนนำไปการจับกุมและล่าสุดศาลตัดสินสั่งประหารชีวิตแม่ใจอำมหิตรายนี้ 

 

ไทม์ไลน์การป่วย "น้องอมยิ้ม"

ปี 58 แม่ปุ๊กแอบรับอุปการะเลี้ยงดู "น้องอมยิ้ม" โดยอ้างว่า คือ ลูกของตนเอง หวังดึงสามีที่กำลังจะเลิกรากัน กลับมาครองรักเช่นเดิม ซึ่งสำเร็จทุกคนเชื่อว่าเป็น "ลูกแท้ๆ"  

ปี 60 แม่ปุ๊กและสามี มีลูกด้วยกัน 1 คน ชื่อ "น้องอิ่มบุญ" แต่ขณะนั้นถูกผู้เสียหายแจ้งความข้อหา "ฉ้อโกง" เพราะขายของออนไลน์แต่กลับไม่ส่งสินค้าให้ ทำให้เจ้าตัวต้องหาเงินมาชดใช้ และถูกดำเนินคดีในปี 61 

ระหว่างนี้ แม่ปุ๊กเริ่มมีการโพสต์ข้อความ "น้องอมยิ้ม" ป่วยเป็นโรคประหลาด "เรนินโนม่าห์" อาเจียนเป็นเลือด พร้อมลงภาพน้องนอนรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลเพื่อเรียกร้องความน่าสงสาร 

ขณะเดียวกันติดต่อแม่แท้ๆของน้องอมยิ้ม ขอให้เปิดบัญชีธนาคาร อ้างว่า ใช้เพื่อกิจกรรมต่างๆของน้อง ซึ่งมีผู้ใจบุญสงสารเข้ามาอุดหนุนซื้อสินค้าจำนวนมาก 

ปี62 "น้องอมยิ้ม" เสียชีวิต ซึ่งไม่มีใครเอะใจอะไร เพราะแพทย์ลงความเห็นว่า น้องป่วย

"น้องอิ่มบุญ" ล้มป่วย

ปี 62 หลังจากน้องอมยิ้มไม่นาน "น้องอิ่มบุญ" อายุ 3 ขวบ ลูกแท้ๆ ล้มป่วยเข้าออกโรงพยาบาลธรรมศาตร์และโรงพยาบาลภูมิพลฯหลายครั้งด้วยอาการคล้ายกับ น้องยิ้ม คือ อาเจียนเป็นเลือดและขอบปากมีรอยไหม้ 

ขณะเดียวกันแม่ปุ๊กยังคงมีพฤติกรรมเช่นเดิม โพสต์ภาพและข้อความเกี่ยวกับอาการของ น้องอิ่มบุญ พร้อมขายของออนไลน์ แต่ครั้งนี้แอบนำข้อมูลของแม่แท้ๆน้องอมยิ้ม ไปเปิดบัญชีอีก 2 บัญชี เพื่อให้ลูกค้าโอนเงินเข้ามา แต่กลับไม่ส่งสินค้า ทำให้ผู้เสียหายแจ้งความจับ "แม่น้องยิ้ม" เพราะเป็นเจ้าของบัญชีปลายทาง

เริ่มสืบสวนคดี

- แม่น้องยิ้มเข้าแจ้งความที่ สภ.คลองหลวง ว่า ถูกลักลอบแอบเปิดบัญชีอิเล็กทรอนิกส์ จนตำรวจสืบค้นพบว่า แม่ปุ๊กเป็นคนทำ มีเงื่อนงำแน่อนน จึงมีการโอนคดีมายังตำรวจกองปราบปราม

- ชุดทำงานไล่สืบสวนหลายช่องทาง ทั้ง พูดคุยกับผู้เสียหาย ชาวเน็ตที่โพสต์โจมตี รวมถึงแพทย์ที่ทำการรักษา น้องอมยิ้ม และ น้องอิ่มบุญ ซึ่งได้ความว่า "ทั้ง 2 คน ป่วยด้วยอาการคล้ายกันมาก เวลาน้องรักษาตัวอยู่ในมือของแพทย์ อาการกลับขึ้น แต่พออนุญาตกลับบ้านได้ อาการกลับไปเหมือนเดิม"

- พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง สั่งการด่วนตั้งชุดเฉพาะกิจขึ้นมา กำชับเร่งทำงานด้วยความระมัดระวัง เนื่องจาก "น้องอิ่มบุญ" กำลังป่วย หากล่าช้า อาจจะเป็นเหมือน "น้องอมยิ้ม" ได้ จนกระทั่งอาการเริ่มทรุด รอช้าไม่ได้แล้ว

- แพทย์นำชิ้นเนื้อของน้องอมยิ้มครั้งตอนป่วย มาทำการวินิจฉัยอีกครั้ง คาดว่า ร่างกายถูกสารเคมีที่มีฤทธิ์กัดกร่อน เป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย 

- ส่วนเส้นทางการเงิน พบว่า มียอดเงินเข้าบัญชีจำนวนมาก เป็นเส้นกราฟ เนื่องจากช่วงที่น้องทั้ง 2 คน ป่วยเข้าโรงพยาบาล ยอดเงินทั้งบริจาคและสั่งซื้อสินค้าสูงขึ้นมาก โดยมี 5 บัญชีที่เกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าว (2 บัญชีของแม่ปุ๊ก 3บัญชีของแม่น้องยิ้ม) ในปี61-63 มีรายการโอนเข้า 11 ล้านบาท มีรายจ่ายถอนเงินสด 1.5 ล้านบาท จ่ายค่ารักษาพยาบาล ค่าประกัน ประมาณ 4 แสนบาท ส่วนอีก 10 ล้านบาท ยังพิสูจน์ไม่ได้ คาดว่านำไปหมุนเวียนจ่ายคืนให้กับผู้เสียหายที่เข้าแจ้งความ

- สุดท้ายดำเนินการขออำนาจศาลอนุมัติหมายค้นบ้านพักย่านดอนเมือง และออกหมายจับ ทั้งในคดีของ "น้องอมยิ้ม" และ "น้องอิ่มบุญ"

 

หลักฐานสำคัญ
- วันที่ 22 พ.ค. ตำรวจกองปราบนำกำลังเข้าจับกุมภายในบ้านพักย่าน ดอนเมือง  ในข้อหารับไว้ซึ่งเด็กโดยมีความมุ่งหมายเพื่อเป็นการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ พยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตาย ฉ้อโกงโดยการแสดงตนเป็นคนอื่น และฉ้อโกงประชาชน 

-ขณะนั้นพ่อ แม่ ของแม่ปุ๊ก รวมถึงเจ้าตัวด้วยกำลังอาศัยอยู่ในบ้าน ทุกคนยังเชื่อว่า "น้องอมยิ้ม" ที่เสียชีวิตไปแล้ว เป็นลูกแท้ๆอยู่

- จากการตรวจค้นในบ้านพัก พบ น้ำยาสีใสบรรจุอยู่ในขวดสีฟ้า วางไว้ข้างเครื่องซักผ้า ซึ่งจากการใช้ชุดตรวจสารเคมี พบว่า เป็นสารกลุ่มโซดาไฟ มีค่าPH 13-14 ถือว่าเข้มข้นมาก ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่า ทำไมสารดังกล่าวถูกนำมาใส่ในขวดนี้ ประกอบกับตรวจพบว่า น้องทั้ง 2 คน ได้รับ "สารพิษ" นำเข้าสู่ร่างกาย

- สาเหตุสารเคมีในร่างกายของเด็ก จากการสืบค้นประวัติของแม่ปุ๊ก พบว่า ช่วงมหาวิทยาลัย เคยเรียนเภสัช ซึ่งจากการสอบถามผู้เชี่ยวชาญ บอกว่า เรียนเพียงปี 2 ปี3 ก็มีความชำนาญในการใช้สารเคมีแล้ว

ศาลพิพากษา "ประหารชีวิต"

เมื่อวันที่ 15 ก.ย. ศาลอาญาถนนรัชดาภิเษก พิพากษา ให้ประหารชีวิต สถานเดียว ในข้อหาค้ามนุษย์ฯ เพื่อแสวงหาประโยชน์ฯ จากการนำคนมาขอทานฯ เป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำรับอันตรายสาหัสและถึงแก่ความตาย, พยายามฆ่าผู้อื่นฯ, ทำร้ายร่างกายผู้อื่นฯ ทำการขอทานฯ, ฉ้อโกงฯ, ฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่นฯ, นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ฯ ชักจูงฯ ใช้เด็กเป็นเครื่องมือในการขอทาน ซึ่งเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน และการรับสารภาพเพราะจำนนต่อหลักฐาน จึงไม่ลดโทษให้ (ข่าว)

"ขณะทำคดี รู้สึกเจ็บปวดมากอย่างมาก เพราะเด็กตัวเล็กๆไม่รู้เรื่องอะไรด้วย เข้าใจว่า เป็นการช่วยแม่ขายของ เด็กไม่ควรต้องมาถูกกระทำ ปัจจุบันในสังคมไทย อาจเกิดกรณีเช่นนี้ แต่ไม่มีคนรู้ น้องอิ้มบุญ ยังถือว่า ตำรวจรู้และสามารถช่วยได้ทัน ยังมีชีวิตรอด ส่วนการเปิดรับบริจาค คนพวกนี้คิดว่าเป็นช่องทางหาเงินได้ จึงขอฝากเตือนคนที่ขี้สงสาร ขอให้สังเกตพฤติกรรมคนกลุ่มนี้ เพื่อไม่ใช่ตกเป็นเหยื่อ หรือ เป็นการสนับสนุนการกระทำคนใจดำโหดเหี้ยม" พ.ต.ท.เอกสิทธิ์ กล่าวทิ้งท้าย

ติดตามข่าวสาร คมชัดลึก อื่นๆ ได้ที่
Facebook - https://www.facebook.com/komchadluek
LineToday - https://today.line.me/th/v2/publisher/100057
Instagram - https://www.instagram.com/komchadluek_online/