ข่าว

รวบ 2 ผู้ต้องหา ยึด "ดอลล่าร์ปลอม" มูลค่ากว่า 34 ล้านบาท

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"ตำรวจไซเบอร์" รวบ 2 ผู้ต้องหา ร่วมแก๊งปลอมธนบัตร พร้อมตรวจยึด"ดอลล่าร์ปลอม" รวม 9,000 ฉบับ มูลค่ากว่า 34 ล้านบาท เบื้องต้น อยู่ระหว่างขยายผลหาต้นตอการผลิต

เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2565 พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท.หรือ "ตำรวจไซเบอร์" พร้อมด้วย  พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท.และ พล.ต.ต.วริศร์สิริภ์ ลีละสิริ ผบก.สอท.2 ร่วมกับ นางสาวจงจิต จันทน์ประภาวุฒิ ผู้เชี่ยวชาญด้านสอบสวนประจำสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา, นายเอียน โคโนพิค เจ้าหน้าที่พิเศษ ผู้ช่วยสำนักงานหน่วย US Secret Service ประจำสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา สนธิกำลังบก.สอท.หน่วยปฎิบัติการพิเศษ"คอมมานโด" เข้าจับกุม นางมณศจี (สงวนนามสกุล) อายุ 49 ปี และนายภาณุเดช (สงวนนามสกุล) อายุ 58 ปี ภายในคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง ย่านเมืองทองธานี พร้อมของกลางธนบัตร"ดอลลาร์สหรัฐ"ปลอม ใบละ 100 ดอลลาร์ จำนวน 9,000 ฉบับ มูลค่ากว่า 34 ล้านบาท 

รวบ 2 ผู้ต้องหา ยึด "ดอลล่าร์ปลอม" มูลค่ากว่า 34 ล้านบาท

สืบเนื่องจาก เจ้าหน้าที่สืบทราบว่า มีขบวนการจำหน่ายธนบัตร"ดอลลาร์ปลอม"จำนวนมาก ไปขายให้กับร้านรับแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ และผู้ที่ต้องการเงินสกุลดังกล่าว ขายผ่านช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ ทำให้ยากต่อการติดตามจับกุม หลังการติดตามจนสามารถวางแผนนัดหมายกับคนร้าย พร้อมนัดส่งมอบเงินภายในคอนโดฯดังกล่าว เมื่อถึงกำหนดนัดหมาย เจ้าหน้าที่พบ นางมณศจี เดินถือถุงผ้าสีดำบรรจุธนบัตร"ดอลล่าร์ปลอม" จำนวน 2,000 ฉบับ จึงแสดงตัวจับกุมได้ที่ห้องพัก 

 

เมื่อนำตัวมาสอบสวน นางมณศจี ให้การรับว่าเงิน"ดอลลาร์ปลอม" มาจาก นายภาณุเดช ซึ่งรู้จักกัน ให้นำมาปล่อยให้กับลูกค้า เจ้าหน้าที่จึงวางแผนขยายผลจนจับกุมได้ที่ห้างแห่งหนึ่ง พร้อมธนบัตร"ดอลลาร์ปลอม" จำนวน 7,000 ฉบับ จากการตรวจสอบของกลาง ได้รับการยืนยันจาก เจ้าหน้าที่สหรัฐว่า ของกลางทั้งหมดเป็น"ธนบัตรปลอม" แต่มีความใกล้เคียงกับธนบัตรของจริงมาก 


 

ด้าน เจ้าหน้าที่ตำรวจ เปิดเผยว่า ที่ผ่านมา พบการแพร่ระบาดในเมืองไทยลามไปประเทศเพื่อนบ้าน ในบางครั้งพบที่ร้านแลกเปลี่ยนเงินตรา ที่สนามบินในประเทศสิงค์โปร์ ซึ่งจะมีการนำไปขายให้กับผู้ที่ต้องการ ในราคาที่ถูกกว่าอัตราแลกเปลี่ยนเพื่อทำการกินส่วนต่าง โดยส่วนใหญ่กำลังเป็นที่แพร่ระบาดใน สปป.ลาว

 

หากธนบัตรล็อตนี้หลุดไปและนำไปแลกกับร้านค้า ร้านแลกเปลี่ยนเงินตรา หรือบุคคลอื่นที่ตกเป็นเหยื่อ ก็จะทำให้ได้รับความเสียหายอย่างมาก เพราะหากคิดเป็นเงินไทย จะมีมูลค่าความเสียหายสูงถึง 34 ล้านบาท อันถือเป็นการซ้ำเติมผู้ประกอบการร้านค้าธุรกิจแลกเปลี่ยนเงินและธุรกิจการท่องเที่ยว ในห้วงเวลาที่สถานการณ์ค่าเงินดอลล่าร์พุ่งสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม เชื่อว่ามีการกระทำเป็นขบวนการ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างสืบสวนขยายผลหาตัวผู้ร่วมกระทำผิด

 

เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ได้แจ้งข้อหา "ร่วมกันทำปลอมธนบัตรที่รัฐบาลต่างประเทศออกใช้ หรือให้อำนาจให้ออกใช้" ก่อนนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ