"แพะ" คดีเพชร ร้อง"ตำรวจ" ทำติดคุกฟรี 7 เดือน

 วันที่ 3 ต.ค.2565 ที่ ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) นายพิสิษฐ์ สุวรรณพิมพ์ "พ่อค้าส้มตำ" อายุ 54 ปี  เดินทางเข้า ยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรม ต่อ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช  กรณีที่ถูก "ตำรวจ" สน.บางเสาธง ยัดข้อหาชิงทรัพย์ จนเป็นเหตุให้ถูกดำเนินคดีติดคุกนาน 7 เดือน 10 วัน ทั้งที่ไม่ได้กระทำความผิด ก่อนศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์ตัดสินยกฟ้อง อัยการและโจทก์ร่วมและไม่ฎีกา

นายพิสิษฐ์ เปิดเผยว่า วันนี้ตนจึงมาร้องขอความเป็นธรรมต่อ ผบช.ก.ในความผิดของเจ้าหน้าที่"ตำรวจ"ชุดสืบสวนสอบสวน สถานีตำรวจภูธรบางเสาธง ในคดีวิ่งราวทรัพย์ "แหวนเพชร"  เมื่อปี 2559 ที่ปรักปรำให้ต้องรับโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ประกอบด้วย พ.ต.ต.ฐิติวุธ ร.ต.อ.สงัด เลพล ร.ต.อ. นิพนธ์ แผ้วกิ่ง รอง สว.สส. ดต. พรเทพ คนารักษ์ ผบ.หมู่ ฯ และ ส.ต.ต.อนุรักข์ เพ็งพันธ์

คือ พ.ต.ต.ฐิติวุธ ฯ กับพวกพยายามที่จะปิดสำนวนให้เร็วที่สุด โดยไม่คำนึงถึงความจริง , วันเกิดเหตุไปตรวจสถานที่เกิดเหตุโดยไม่ได้แจ้งกองพิสูจน์หลักฐานให้มาช่วยเก็บลายนิ้วมือแฝงของคนร้าย และไม่ได้แจ้งเหตุให้ผู้บังคับบัญชาทราบทั้งๆ ที่ทรัพย์ที่ถูกประทุษร้ายมีมูลค่าสูง , ชุดสืบสวนไม่ได้มีการตรวจดูกล้องวงจรปิดที่มีอยู่ที่หน้าหมู่บ้าน และไม่ได้ไล่ตรวจดูกล้องวงจรปิดของ กทม.เพื่อตรวจสอบติดตามหาเส้นทางหลบหนีของคนร้าย , พนักงานสอบสวนก็ไม่ได้รวมรวมพยานหลักฐานเพื่อขอให้ศาลออกหมายจับตัวคนร้ายทันที เพื่อที่จะได้ติดตามคนร้ายโดยรวดเร็ว แต่กลับมุ่งไปสืบหาบุคคลที่เปิดใช้งานโทรศัพท์ของตนที่ได้ยกเลิกการใช้ไปนานแล้วแทน  , ร.ต.อ.สงัด พงส.เจ้าของคดี ซึ่งเป็นผู้รับเรื่องร้องทุกข์จาก น.ส.บุญญรัตน์ โจทก์ร่วมที่ 2 ได้บันทึกพฤติการณ์ผู้กระทำความผิดว่าชื่อนายแดง แต่ไม่ลงรูปพรรณหรือสเก็ตภาพคนร้ายไว้ , ในการสอบปากคำ น.ส.บุญญรัตน์ ได้นำรูปภาพตนมาจากทะเบียนราษฎร ปริ้นท์ออกมาให้น.ส.บุญญรัตน์ดูและยืนยันว่าตนเป็นคนร้ายที่เอา "เพชร" ไป และไปขอหมายจับใช้หลักฐานเพียงแค่คำให้การของโจทก์ร่วมที่ 2 เท่านั้น ทั้งที่ น.ส.บุญญรัตน์ก็ได้เคยเห็นหน้านายแดง คนร้ายตัวจริง ถึง 2 ครั้ง ๆ ละเกือบ 1-2 ชั่วโมง

นายพิสิษฐ์ กล่าวต่อว่า คดีดังกล่าวเกิดเมื่อวันที่ 28 ธ.ค.2559   ซอย 6 แขวงคลองขวาง เขตภาษีเจริญ กทม. เกิดเหตุวิ่งราว "แหวนเพชร"  3 วง และเพชรแฟนชี 17.34 กะรัต 1 เม็ด มูลค่ารวม15.8 ล้านบาท มีบริษัท กาแล็คซี่ ไดมอนด์ และน.ส.บุญญรัตน์  แม่ค้าขาย "เพชร" เป็นผู้เสียหาย  โดยวันเกิดเหตุ น.ส.บุญญรัตน์ แม่ค้าขายเพชร ได้รับการติดต่อซื้อ "เพชร" จากลูกค้า นัดหมายที่บ้านดังกล่าว เมื่อนำแหวนและ"เพชร" ทั้งหมดเปิดให้ดู ลูกค้าได้หยิบถาด "แหวนเพชร" แล้ววิ่งหลบหนีออกจากบ้าน พร้อมปิดล็อคประตูบ้าน กักขัง น.ส.บุญญรัตน์ แม่ค้าขายเพชรไว้ภายในจนต้องปีนรั้วออกมา และเข้าแจ้งความไว้ที่ สถานีตำรวจภูธรบางเสาธง จังหวัดนนทบุรี โดยมี ร.ต.อ.สงัด  รอง สว.(สอบสวน)  โดยมี พ.ต.ต.ฐิติวุธ  สว.สส.(หัวหน้าชุด) ร.ต.อ. นิพนธ์ รอง สว.สส. ดต. พรเทพ ผบ.หมู่ ฯ และ ส.ต.ต.อนุรักข์  ชุดสืบสวนสอบสวนได้เดินทางมาตรวจสอบที่เกิดเหตุ โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชม. หลังจากนั้น"ตำรวจ"  สน.บางเสาธง ชุดสืบสวนจับกุมเร่งรัดรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ต้องหาชื่อ  นายพิสิษฐ์ สุวรรณพิมพ์ ชื่อเล่น แดง

นายพิสิษฐ์ กล่าวต่ออีกว่า เดือน ก.พ.2560 มีตำรวจมาจับกุมตนที่บ้านเช่าใน จ.นครพนม ขณะกำลังขายไก่ย่างส้มตำอยู่ โดยใช้หมายจับเก่า สถานีตำรวจภูธรสูงเนิน ในข้อหาฉ้อโกง ซึ่งตนไม่ทราบมาก่อนว่าตนมีหมายจับดังกล่าว ก่อนจะควบคุมตัวมาดำเนินคดี ในข้อหาวิ่งราวทรัพย์ตามหมายจับของศาลอาญาธนบุรี ซึ่งตนให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา อัยการเป็นโจทก์ยื่นฟ้องศาลอาญาธนบุรี โดยมี บริษัท กาแล็คซี่ ไดมอนด์ จำกัด โจทก์ร่วมที่ 1 และ น.ส.บุญญรัตน์ เป็นโจทก์ร่วมที่ 2 ถูกขังที่เรือนจำพิเศษธนบุรี ระหว่างการพิจารณาคดีเป็นเวลา 7 เดือน 10 วัน  จนกระทั่งศาลอาญาธนบุรีพิพากษายกฟ้อง เมื่อวันที่ 26 ก.ย. 2560 จึงปล่อยตัวสู่อิสรภาพ 

"หลังจากได้รับการปล่อยตัว ตนเป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง น.ส.บุญญรัตน์ รัศมีสุขานนท์ จำเลยที่ 1 บริษัท กาแล็คซี่ไดมอนด์ จำกัด จำเลยที่ 2 นายดีวัง กุมาร ชีวันทิลาล ซังกาวี จำเลยที่ 3 นางประยอม ตันสถาพร จำเลยที่ 4 ในความผิดฐานนำความเท็จฟ้องผู้อื่นฯ และเบิกความเท็จในการพิจารณาคดีต่อศาล จนเมื่อ 20 ม.ค.2565 ศาลอาญาธนบุรี พิพากษา น.ส.บุญญรัตน์ จำเลยที่ 1 มีความผิดตาม ป.อ.มาตรา 177 วรรคสอง ให้จำคุก 3 ปี และให้ยกฟ้อง นางประยอม จำเลยที่ 4 ยกฟ้องจำเลยที่ 2 และ จำเลยที่ 3 ในชั้นไต่สวน แม้จะได้เงินเยียวยาจากกระทรวงยุติธรรมมา 2 แสนบาท ก็ไม่สามารถบรรเทาความเสียหายทั้งชื่อเสียงตัวเองและวงศ์ตระกูล" นายพิสิษฐ์ กล่าว 

เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้รับเรื่องไว้เสนอผู้บังคับบัญชาเพื่อดำเนินการต่อไป