ข่าว

ย้อนคดี "ฆ่าหั่นศพ" เริ่มต้นจากความรัก สู่ คดีฆาตกรรม สยองขวัญ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ทีมข่าว"คมชัดลึกออนไลน์" ย้อนคดี"ฆ่าหั่นศพ" สยองขวัญ ในความทรงจำของคนไทย แปลกแต่จริง เกือบทุกคดี เริ่มต้นขึ้นจากความรัก และกลับลงเอยด้วยเหตุเหตุนองเลือด"สะเทือนขวัญ" สาเหตุที่แท้จริงเป็นอย่างไรกันแน่?

คดีอุกฉกรรจ์ "สะเทือนขวัญ" ยามนี้ คงไม่มีคดีใดเขย่าขวัญสั่นประสาทมากไปกว่า คดี"ฆ่าหั่นศพ"แฟนสาว แล้วขุดหลุมนำศพฝังดิน บริเวณใต้ทางด่วนฉลองรัช ถนนเลียบด่วนรามอินทรา เขตบึ่งกุ่ม กทม.เมื่อวันที่ 1 ก.ย.ที่ผ่านมา 

 

คดีดังกล่าว เกิดขึ้นจาก นายชาญวิทย์ หรือดอน (สงวนนามสกุล) อายุ 35 ปี ก่อเหตุทำร้ายร่างกาย น.ส.อรนันท์ หรือพิน (สงวนนามสกุล)อายุ 30 ปี จนเสียชีวิต ก่อนจะทำการ "ฆ่าหั่นศพ" แบ่งเป็น 7 ชิ้น แล้วนำมาขุดหลุมฝังบริเวณใต้ทางด่วนฉลองรัช เบื้องต้น ผู้ก่อเหตุรับสารภาพว่า เลียนแบบพฤติกรรมมาจากภาพยนต์ต่างชาติ โดยสาเหตุเกิดจาก ทั้งสองคนแอบคบหากันอย่างลับๆ โดยที่ฝ่ายหญิงไม่ยอมเปิดตัว ประกอบกับมีพฤติกรรมตีตัวออกห่าง ฝ่ายชายจึงเกิดความ"หึงหวง" กระทั้งเกิดเหตุ "สะเทือนขวัญ"ดังกล่าว

 

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกของคดี"ฆ่าหั่นศพ" โดยก่อนหน้านี้ ประเทศไทยเคยเกิดเหตุ"สะเทือนขวัญ"มาแล้วหลายครั้ง แต่ที่ยังคงอยู่ในความทรงจำของคนไทย เชื่อว่าน่าจะมีเพียง 3 คดีใหญ่ๆ คือ คดี"เปรี้ยวหั่นศพ" คดี"เสริม สาครราษฎร์ " และคดี"นพ.วิสุทธิ์ บุญเกษมสันติ" วันนี้ทีมข่าว"คมชัดลึกออนไลน์" จะนำข้อมูลกลับมา ย้อนความทรงจำของผู้อ่าน ให้ได้ติดตามกัน

เริ่มจากคดีแรก เกิดเมื่อปี 2544 "นพ.วิสุทธิ์ บุญเกษมสันติ" หมอด้านสูตินรีเวช ก่อเหตุ"ฆ่าหั่นศพ" พญ.ผัสพร บุญเกษมสันติ สูตินรีแพทย์ โรงพยาบาลบุรฉัตรไชยากร ภรรยาของตนเอง โดยผสมยานอนหลับในอาหาร ก่อนนำตัวไปขังในห้องพัก และใช้ของมีคมฆ่า จากนั้นจึงใช้มีดผ่าตัดแล่ชิ้นเนื้ออวัยวะต่างๆ นำไปทิ้งบ่อเกรอะ อาคารวิทยนิเวศน์ และ โรงแรมโซฟิเทล แล้วทำทีแจ้งความกับตำรวจว่าภรรยาหายตัวไป พร้อมปลอมหนังสือลางาน และจดหมาย เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจแกะรอยจนมั่นใจว่า นพ.วิสุทธิ์ เป็นผู้ลงมือฆ่าหั่นศพภรรยาตัวเอง

 

ปมเหตุการฆาตกรรม เกิดจาก พญ.ผัสพร พบว่า นพ.วิสุทธิ์ สามี ไปสนิทสนมกับคนไข้ จึงบังคับให้เขียนจดหมายสารภาพผิดเอาไว้ และต่อมาเกิดเรื่องอีกหลายครั้ง จน นพ.วิสุทธิ์ อึดอัดขอหย่า แต่ พญ.ผัสพร ไม่ยอม พร้อมขู่จะไปร้องเรียนที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ที่ นพ.วิสุทธิ์ ทำงานอยู่ รวมทั้งไปร้องต่อ"แพทยสภา" ซึ่งจะทำให้เสียชื่อเสียง และหมดอนาคตทางวิชาชีพแพทย์ นพ.วิสุทธิ์ จึงวางแผนฆ่า พญ.ผัสพร
 

ย้อนกลับไปอีก 3 ปี เมื่อปี 2541 "เสริม สาครราษฎร์" นักศึกษาแพทย์ ชั้นปีที่ 2 ในขณะนั้น ก่อเหตุ "ฆ่าหั่นศพ" น.ส.เจนจิรา พลอยองุ่นศรี แฟนสาวรุ่นพี่ นักศึกษาแพทย์ ชั้นปี 5 ซึ่งสาเหตุเกิดจาก นายเสริม ถูก  น.ส.เจนจิรา บอกเลิกจึงโกรธ วางแผนชวนมาที่ห้องพัก เพื่อปรับความเข้าใจ แต่ฝ่ายหญิงยืนยันที่จะเลิก จึงใช้ปืนจ่อยิงที่ศีรษะจนเสียชีวิต จากนั้นใช้มีดผ่าตัดชำแหละศพ แยกชิ้นส่วนอวัยวะทิ้งลงชักโครก นำกะโหลกศีรษะทิ้งแม่น้ำบางปะกง คดีนี้นายเสริม รับสารภาพ ศาลตัดสินจำคุกตลอดชีวิต แต่จำคุกจริง 13 ปี 9 เดือน เพราะขณะอยู่ในเรือนจำ ปฏิบัติตัวดี ได้รับการอภัยโทษ 5 ครั้ง

 

และสุดท้าย คดี"เปรี้ยวหั่นศพ" เกิดขึ้นเมื่อประมาณปี 2560  มีผู้พบศพหญิงสาวถูกหั่นเป็น 2 ท่อน ถูกฝังดินในป่าบ้านโนนสง่า ต.คำม่วง อ.เขาสวนกวาง จ.ขอนแก่น เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนจนพบว่า ผู้ตายคือ น.ส.วาริสรา กลิ่นจุ้ย หรือน้องแอ๋ม อายุ 23 ปี สาวคาราโอเกะ  จึงแกะรอยไล่ตั้งแต่ร้านคาราโอเกะ ตรวจ"กล้องวงจรปิด" จนได้เบาะแสมีรถต้องสงสัยมารับน้องแอ๋ม ที่หน้าปากซอยหอพัก ก่อนที่จะพบเป็นศพถูกหั่น ต่อมาตำรวจขอศาลจังหวัดขอนแก่นออกหมายจับ น.ส.ปรียานุช โนนวังชัย หรือ เปรี้ยว, น.ส.กวิตา ราชดา หรือ เอิร์น, น.ส.อภิวันทน์ สัตยบัณฑิต หรือ แจ้, นายวศิน นามพรม และต่อมาออกหมายจับ น.ส.จิดารัตน์ พรหมคุณ หรือ เบนซ์ อีกคน

 

ทั้งนี้ นายวศิน ถูกจับได้ที่ สปป.ลาว ขณะที่ เปรี้ยว เอิร์น และแจ้ หนีไปกบดานที่พม่า แต่ต่อมาทางการพม่า จับกุมตัวทั้ง 3 คน ส่งให้เจ้าหน้าที่ไทยดำเนินคดี ส่วนสาเหตุที่ลงมือฆ่าหั่นศพ เนื่องจากมีปัญหาหนี้สินเก่าที่ยืมไปประมาณ 3-4 หมื่นบาท และเรื่องคดียาเสพติด

 

คดี"ฆ่าหั่นศพ" หากสังเกตดูจะพบว่าส่วนใหญ่ เริ่มต้นมาจากความรัก ก่อนจะกลับกลายเป็นความแค้น จากนั้นจึงเกิดบันดาลโทสะ เลยลงมือฆ่าแล้วหั่นศพทิ้ง เพื่อขนย้ายไปทิ้งได้สะดวก และ"อำพรางคดี" แต่แท้จริงแล้ว มันกลับสะท้อนถึงความเสื่อมโทรมในสังคม คุณธรรม และศีลธรรม ซึ่งหาได้ยากในสังคมยุคปัจจบัน 
 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ