ข่าว

"บิ๊กโจ๊ก" นำชุดปฏิบัติการ TICAC บุกจับผู้ต้องหาค้ามนุษย์-กระทำชำเราเด็ก

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศพดส.ตร. นำชุดปฏิบัติการ TICAC สามารถเข้าช่วยเหลือเหยื่อ"ค้ามนุษย์"โดยจับกุมผู้ต้องหาในพื้นที่ ภ.3 ได้ทั้งหมด 3 คดี

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์  กล่าวว่าตามที่ ศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศพดส.ตร.) ได้มีพันธกิจในการป้องกันและปราบปรามปัญหาการค้ามนุษย์ที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ หรือการพิทักษ์เด็ก สตรี ที่ตกเป็นเหยื่อการทารุณกรรมและการค้ามนุษย์มาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการใช้ชุดปฏิบัติการปราบปรามการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กทางอินเตอร์เน็ต (TICAC) คอยตรวจสอบข้อมูลและเข้าช่วยเหลือเด็กที่มีความเสี่ยงที่จะตกเป็นเหยื่อการล่วงละเมิดทางเพศในรูปแบบต่างๆ โดยเฉพาะการหาประโยชน์โดยมิชอบต่อเด็กทางอินเตอร์เน็ต ตามที่สื่อมวลชนและสื่อโซเชียลนำเสนออย่างต่อเนื่องนั้น
พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร./ผอ.ศพดส.ตร. และ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศพดส.ตร. ดำเนินการปราบปรามปัญหาการค้ามนุษย์อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ เพื่อรักษามาตรฐานที่ดีในการทำงานในการแก้ไขปัญหาการ "ค้ามนุษย์" ซึ่งช่วยยกระดับให้ประเทศไทยกลับขึ้นมาสู่ระดับ Tier 2 รวมทั้งยังกำชับให้ชุดปฏิบัติการ TICAC ดำเนินการตรวจสอบและจับกุมผู้กระทำผิดอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุด จับกุมผู้ต้องหาในพื้นที่ ภ.3 ได้ทั้งหมด 3 คดี

โดยคดีที่ 1เจ้าหน้าที่ชุด TICAC ได้รับการประสานข้อมูลจากการแจ้งเบาะแสของศูนย์เด็กหายและถูกฉวยผลประโยชน์แห่งชาติ สหรัฐอเมริกา (NCMEC) ผ่านสำนักงานในไทยของหน่วยสืบสวนเพื่อความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ กระทรวงความมั่นคงแห่งสหรัฐอเมริกา โดยมีรายงานเบาะแส Cyber TIPLine Report ว่าตรวจพบบุคคลที่ครอบครองสื่อลามกเด็กเป็นจำนวนมากในสื่อโซเชียลมีเดีย เช่น facebook twitter อาศัยอยู่ในพื้นที่ สภ.ประโคนชัย ภ.จว.บุรีรัมย์ โดย พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศพดส.ตร. ได้สั่งการให้ชุดปฏิบัติการ TICAC ภ.3 ออกติดตามสืบสวนหาตัวผู้กระทำผิดอย่างเร่งด่วน เนื่องจากอาจมีเด็กถูกล่วงละเมิดทางเพศได้ 
ต่อมาเมื่อวันที่ 25 มิ.ย.65 ชุดปฏิบัติการ TICAC  ภ.3 ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สภ.ประโคนชัย พร้อมเจ้าหน้าที่ พม.จังหวัดบุรีรัมย์ และบ้านพักเด็กจังหวัดบุรีรัมย์ ร่วมกันนำหมายค้นศาลจังหวัดบุรีรัมย์  เข้าตรวจค้นบ้านพักของ นายวุฒิพงษ์ หรือใหม่  อายุ 21 ปี  บ้านเลขที่ 128 ม.3 บ้านโคกเพชรไสยา  ต.สี่เหลี่ยม  อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์  ซึ่งเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในจังหวัดบุรีรัมย์ 
ผลการตรวจค้นพบ ภาพนิ่ง และคลิปอนาจารเด็ก อยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ (PC) ที่ตั้งอยู่ภายในห้องนอนของ นายวุฒิพงษ์ฯ จำนวน 4 คลิป จึงจับกุมตัวพร้อมตรวจยึดเครื่องคอมพิวเตอร์ของกลาง นำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีในความผิดฐาน  “ครอบครองสื่อลามกอนาจารเด็กเพื่อแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบสำหรับตนเองหรือผู้อื่น”  

พร้อมกับตรวจยึดโทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อไอไฟน จำนวน 1 เครื่อง และไอแพด จำนวน 1 เครื่อง เพื่อทำการตรวจพิสูจน์เพิ่มเติม ผลการตรวจสอบพบภาพและคลิปวีดีโอเพิ่มเติม ดังนี้ ภาพลามกอนาจาร จำนวน 7,215 ภาพ (เป็นภาพที่นายวุฒิพงษ์ฯ ถ่ายเองและพิสูจน์บุคคลได้  จำนวน 36 ภาพ )และ คลิปวีดีโอ จำนวน 623 คลิป (เป็นคลิปที่นายวุฒิพงษ์ฯ ถ่ายเองและพิสูจน์บุคคลได้เป็นเด็ก 11 คน  จำนวน 55 คลิป) 
จากการสืบสวนจากพฤติกรรมของ นายวุฒิพงษ์ฯ พบว่าบุคลิกภายนอกเป็นคนชอบช่วยเหลือสังคม และช่วยสอนพิเศษให้กับเด็กนักเรียนในหมู่บ้าน โดยไม่เรียกค่าตอบแทน พาเล่นกีฬา สร้างความไว้วางใจให้คนในชุมชน หรือผู้ปกครองของเด็ก จนยอมให้เด็กอยู่ใกล้ชิด แต่นายวุฒิพงษ์ฯ กลับใช้ความไว้วางใจดังกล่าว เป็นช่องทาง ในการล่วงละเมิดทางเพศกับเด็ก โดยการหลอกล่อชักชวนให้มาเล่นเกมส์ที่บ้าน แล้วอาศัยช่วงโอกาสดังกล่าวลงมือกระทำชำเรา หรือจับอวัยวะเพศ หรือกระทำอนาจารในลักษณะอื่น เพื่อสำเร็จความใคร่กับเด็กแต่ละคนแตกต่างกันไป จำนวน 18 ราย โดยพบว่าผู้เสียหายมีอายุน้อยสุดเพียง 7 ปี และอายุมากสุด 16 ปี  โดยนายวุฒิพงษ์ฯ ได้ถ่ายภาพนิ่ง หรือภาพวีดีโอเก็บไว้ในคอมพิวเตอร์ของตน ลงมือก่อเหตุดังกล่าวมาเป็นระยะเวลา 2-3 ปี จนกระทั่งถูกชุดปฏิบัติการ TICAC ภ.3 เข้าจับกุมได้ในที่สุด 
พนักงานสอบสวนจึงได้แจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม นายวุฒิพงษ์ฯ ในความผิดฐาน "กระทำอนาจารแก่เด็กอายุไม่เกินสิบสามปีโดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยได้บันทึกภาพ หรือเสียงการกระทำชำเรา หรืออนาจารนั้นไว้เพื่อแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบสำหรับตนเองหรือผู้อื่น, พาเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปีไปเพื่อการอนาจาร แม้เด็กนั้นยินยอมก็ตาม, โดยปราศจากเหตุอันควรพรากเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปีไปเสียจากบิดา มารดาหรือผู้ดูแลเพื่อการอนาจาร" ตาม ป.อาญา ม.279 วรรคสอง, ม.280/1, ม.283 ทวิ วรรคสอง ประกอบมาตรา 91 ต่างกรรมต่างวาระ และ กระทำชำเราเด็กอายุไม่เกินสิบสามปีโดยใช้กำลังประทุษร้าย ตาม ป.อาญา มาตรา 277  วรรคสอง” 

 

 

คดีที่ 2 
จากกรณีเมื่อวันที่ 22 เม.ย.65 ทางสื่อมวลชนและโซเชียลมีเดีย ได้มีการนำเสนอข่าวเด็กหญิงในพื้นที่     อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ ถูกบังคับขายบริการทางเพศ บริเวณละหานทรายรีสอร์ท ต.ละหานทราย อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ ระหว่างเดือน ม.ค.65 ถึงวันที่ 20 เม.ย.65 เจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้เข้าตรวจสอบเพื่อช่วยเหลือเด็กโดยทันที 
พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ ชุดปฏิบัติการ TICAC ตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและเข้าช่วยเหลือเหยื่อโดยเร่งด่วน ซึ่งเมื่อเจ้าหน้าที่ได้ไปตามที่เกิดเหตุ พบ น.ส.บี (นามสมมุติ) อายุ 15 ปี ถูกบังคับให้ขายบริการทางเพศจริง จึงเข้าช่วยเหลือและเข้ารับความคุ้มครองที่บ้านพักเด็ก จ.บุรีรัมย์ โดยทำการสืบสวนสอบสวนปากคำ ร่วมกับสหวิชาชีพนำผู้เสียหายเข้าคัดแยกเหยื่อโดยทันที
พล.ต.ท.สุรเชษฐ์  กล่าวพฤติการณ์ในคดีว่า เมื่อประมาณเดือน เม.ย.64  น.ส.บี ผู้เสียหาย ได้เข้าทำงานเป็นพนักงานทำความสะอาด ภายในละหานทรายรีสอร์ท โดยมีนายวีรวงศ์หรือวินัย    อายุ  62  ปี  อยู่บ้านเลขที่ 101 หมู่ที่ 1 ต.ละหานทราย อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ ผู้ต้องหา เป็นเจ้าของ น.ส.บี ได้ยืมเงิน นายวีรวงศ์ฯ จำนวน 6,300 บาท เพื่อนำไปรักษาย่าที่ป่วย และยังไม่ได้คืนเงินให้กับผู้ต้องหา ต่อมานายวีรวงศ์ฯ ได้ทวงถามเงินจำนวนดังกล่าว และ น.ส.บี ไม่มีเงินมาคืนให้ได้  นายวีรวงศ์ฯ จึงบังคับให้ น.ส.บี ขายบริการทางเพศให้กับลูกค้าที่มาพักที่ละหานทรายรีสอร์ท รวม 4 ครั้ง ค่าตอบแทนครั้งละ 1,500 บาท โดยนายวีรวงศ์ฯ ผู้ต้องหา จะหักเงินชำระหนี้ครั้งละ 1,300 บาท และคืนเงินให้กับ น.ส.บี เพียง 200 บาท
ต่อมาเมื่อวันที่ 28 เม.ย.65 เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้จับกุม นายวีรวงศ์ฯ ผู้ต้องหา ตามหมายจับศาลจังหวัดนางรอง ที่ 90/2565  ในความผิดฐาน “กระทำอนาจารบุคคลอายุกว่าสิบห้าปีแต่ไม่เกินสิบแปดปี โดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยบุคคลนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้, พยายามข่มขืนกระทำชำเราบุคคลอายุกว่าสิบห้าแต่ไม่เกินสิบแปดปีซึ่งมิใช่ภริยาหรือสามีของตน, เพื่อสนองความใคร่ของผู้อื่นเป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือพาไปเพื่อการอนาจารซึ่งชายหรือหญิง แม้ผู้นั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตามและค้ามนุษย์” 
นอกจากนี้ พนักงานสอบสวนยังได้ขยายผลดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด จนสามารถจับกุมนายศุภชัยหรือเล็ก อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 182 หมู่ที่ 7 ต.ละหานทราย อ.ละหานทราย     จ.บุรีรัมย์  และนายสุวรรณ ปะมังคะตา อายุ 65 ปี อยู่บ้านเลขที่ 85 หมู่ที่ 4 ต.โคกว่าน อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์   ในความผิดฐาน “ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่น และ โดยทุจริตรับไว้ ซื้อผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปีแต่ไม่เกินสิบแปดปีที่ถูกพรากไปเพื่อกำไรและเพื่อการอนาจารโดยผู้เยาว์นั้นไม่เต็มใจไปด้วย” 
คดีที่ 3
เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ TICAC ได้รับการประสานแจ้งเบาะแส จาก NCMEC ผ่านสำนักงานในไทยของหน่วยสืบสวนเพื่อความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ กระทรวงความมั่นคงแห่งสหรัฐอเมริกา พบว่ามีรายงานเบาะแสการตรวจพบการครอบครองสื่อลามกอนาจารเด็กจำนวนมาก ผ่านบัญชีสื่อโซเชียลมีเดียในชื่อ "เรียนภาษาไทยกับครูอาร์ท" พบว่ามีการอัพโหลดสื่อลามกอนาจารเด็กจำนวนมาก 
พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร./ รอง ผอ.ศพดส.ตร. จึงได้สั่งการให้ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการ TICAC ภาค 3 นำข้อมูลดังกล่าวไปดำเนินการสืบสวนหาตัวผู้กระทำผิด ทราบชื่อคือ นายนันทพัทธ์  เป็นข้าราชการครูในโรงเรียนแห่งหนึ่ง ต.จักราช อ.จักราช จ.นครราชสีมา ปัจจุบันพักอาศัยอยู่ที่บ้านพักครู เลขที่ 21 หมู่ 1 ถ.เพชรมาตุคลา ต.จักราช อ.จักราช จ.นครราชสีมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำหมายค้นของศาลจังหวัดนครราชสีมา เข้าทำการตรวจค้นบ้านพักครูดังกล่าว ผลการตรวจค้น ตรวจพบโทรศัพท์มือถือ จำนวน 1 เครื่อง ,เครื่องคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ ไม่มียี่ห้อ สีดำ-แดง จำนวน 1 เครื่อง และ เครื่องคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ ไม่มียี่ห้อ สีดำ-ส้ม จำนวน 1 เครื่อง 
จากตรวจสอบภายในโฟลเดอร์ชื่อ Business templates พบ 143 โฟลเดอร์ มีไฟล์คลิปวีดีโอ จำนวน 8,935 คลิป ซึ่งนายนันทพัทธ์ฯ ผู้ต้องหา รับว่าได้โหลดคลิปวีดีโออนาจารเด็ก มาเก็บไว้ภายในโฟลเดอร์ดังกล่าว และตรวจสอบภายในโฟลเดอร์ชื่อ Business student พบ 1 โฟลเดอร์ที่มีไฟล์คลิปวีดีโอ จำนวน 639 ไฟล์ ซึ่งผู้ต้องหายอมรับว่า ตนได้ใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายวีดีโอขณะกระทำชำเราและกระทำอนาจารเด็ก แล้วนำมาเก็บไว้ใน โฟลเดอร์นี้ โดยภายหลังได้นำของกลางทั้งสามรายการไปตรวจพิสูจน์พบของกลางเพิ่มเติม เป็นไฟล์ ภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว ดังนี้
-ผลการตรวจสอบ แยกเป็นภาพถ่ายที่ถ่ายเอง 33 รายการ ที่ดาวน์โหลด 11,783 รายการ  ภาพเคลื่อนไหว ถ่ายเอง 400 รายการ ดาวน์โหลด 15,338 รายการ  เป็นการดาวน์โหลดมาจาก twitter และทางสื่อโซเชียล
จากการสืบสวนและสอบสวนปากคำ นายนันทพัทธ์ ฯ ผู้ต้องหา ยอมรับว่าตนเองเป็นบุคคลเดียวกับชายในคลิปวีดีโอที่พบในโทรศัพท์มือถือและเครื่องคอมพิวเตอร์จำนวนหลายไฟล์ และเป็นผู้ที่การกระทำชำเราและกระทำอนาจาร ซึ่งเด็กที่อยู่ในคลิปเป็นเป็นเด็กนักเรียนโรงเรียนแห่งหนึ่งใน ต.จักราช อ.จักราช จ.นครราชสีมา ที่ตนเองเคยเป็นครูประจำชั้นและเคยสอนพิเศษ ตั้งแต่ปี 2563 โดยขณะล่วงละเมิดทางเพศ ผู้ต้องหาได้ถ่ายวีดีโอเก็บไว้ และสามารถระบุชื่อเด็กชายได้จำนวน 13 ราย 
เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงแจ้งข้อกล่าวหาให้ผู้ต้องหาทราบว่า “กระทําชําเราเด็กอายุยังไม่เกินสิบสามปี ซึ่งมิใช่ภริยาหรือสามีของตน โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม, กระทำอนาจารแก่เด็กอายุไม่เกินสิบสามปีโดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม, ผลิตและมีไว้ครอบครองซึ่งสื่อลามกอนาจารเด็กเพื่อแสวงหาประโยชน์ในทางเพศสำหรับตนเองหรือผู้อื่น” นำตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย  
ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการ และเจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและมนุษย์จังหวัดนครราชสีมา ทำการสืบสวนหาข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมของครูดังกล่าว พบผู้เสียหายที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศและกระทำอนาจารเพิ่มอีก 9 ราย รวมผู้เสียหายในคดี จำนวน 22 ราย โดยเข้าให้การช่วยเหลือผู้เสียหาย และจะแจ้งข้อกล่าวหาผู้ต้องหาเพื่อดำเนินคดีเพิ่มเติม
พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า คดีนี้หลังจากได้รับการประสานข้อมูลจาก ศูนย์เด็กหายและถูกฉวยผลประโยชน์แห่งชาติ สหรัฐอเมริกา (NCMEC) ได้เร่งสั่งการให้ชุดปฏิบัติการ TICAC  ออกสืบสวนติดตามและจับกุมผู้ต้องหาทันที เพื่อให้สามารถหยุดยั้งพฤติการณ์ที่เป็นอันตรายต่อเด็กในชุมชนได้อย่างทันท่วงที โดยในคดีเหล่านี้ ผู้ที่กระทำผิดเป็นผู้ที่มีพฤติกรรมที่ภายนอกจะได้รับความไว้วางใจจากผู้ปกครองและตัวเด็กเอง แต่ได้อาศัยความใกล้ชิดและความไว้วางใจดังกล่าวในการกระทำอนาจารและแสวงหาผลประโยชน

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ