ข่าว

"ทนายเดชา" พาผู้เสียหายร้องกระทรวงยุติธรรม ถูก"ตำรวจ" จับใช้ไม้เบสบอลตี

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"ทนายเดชา" พา ผู้เสียหายคดียาเสพติดปี58 วอน กระทรวงยุติธรรม เร่งรัดสืบสวนการปฏิบัติหน้าที่ของตร.สภ.จว.ประจวบคีรีขันธ์ ชี้ ระหว่างจับกุมตัวพาไปยังสภ. มีการใช้ไม้เบสบอลทุบหัวจนสาหัสพิการ อ้าง ผู้ต้องหาตกจากรถจับกุมเอง แจงคดี8ปีไม่คืบหน้า หวั่นไม่ได้รับเป็นธรรม

"ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์"ประธานเครือข่ายทนายคลายทุกข์ พานางจารี (สงวนนามสกุล) และนายแดนไท  บุตรชาย (ผู้ซึ่งถูกดำเนินคดีในข้อหามียาเสพติดไว้ในครอบครอง เมื่อวันที่ 12 ม.ค.58) โดยเจ้าหน้าที่ "ตำรวจ" ชุดสืบสวนปราบปรามอาชญากรรม สภ.จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้เข้ามาตรวจค้นบ้านพักโดยไม่มีหมายค้น และได้จับกุมนายแดนไทใส่กุญแจมือ นำตัวขึ้นรถยนต์เก๋งไปยังโรงพักหัวหิน จากนั้นในเวลา 21.30 น. ของวันเดียวกัน นางจารีได้รับโทรศัพท์จาก"ตำรวจ"ทราบว่า บุตรชาย (นายแดนไท) ได้กระโดดรถหลบหนีการจับกุม จึงเดินทางไปที่ รพ.หัวหินและพบว่าบุตรชายหมดสติ มีอาการสมองบวม เจ้าหน้าที่คืนของกลางทั้งหมดให้พร้อมแจ้งว่าจะไม่ดำเนินคดีกับบุตรชายแล้ว ทำให้นางจารีไม่สามารถยอมรับการกระทำดังกล่าวระหว่างการจับกุมบุตรชายได้ จึงร้องเรียนไปยัง 
สำนักงานจังหวัด ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดดังกล่าว

แต่ก็พบว่าทางหน่วยงานฯได้แจ้งผลการตรวจสอบในลักษณะที่สอดคล้องกับการให้การของเจ้าหน้าที่"ตำรวจ" ว่า เป็นการกระทำของบุตรชายที่เปิดประตูรถยนต์ทิ้งตัวลงมาทำให้ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งผ่านมาแล้วกว่า 7 ปี ไม่มีการติดต่อมาของเจ้าหน้าที่ นางจารีเกรงว่าคดีจะหมดอายุความ บุตรชายไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงอยากให้ทาง"กระทรวงยุติธรรม"ช่วยเร่งรัดการสืบสวนสอบสวนการดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ปปท.) แจ้งข้อกล่าวหาแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดดังกล่าวที่ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต กล่าวว่า สำหรับนายแดนไท ขณะนี้มีปัญหาทางด้านสมอง ซึ่งการจับกุมตัวดังกล่าวในตอนนั้นอยู่ระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐ เนื่องจากก่อนการจับกุมตัว นายแดนไทยังมีสภาพร่างกายปกติ ครบถ้วนสมบูรณ์ แต่หลังการจับกุมนายแดนไทกลับมีอาการสมองบวม กลายเป็นผู้พิการ ไม่สามารถสื่อสารได้ โดยร่างกายไม่พบบาดแผลการถลอกใดๆ หากยึดตามคำให้การของเจ้าหน้าที่ตำรวจว่านายแดนไทได้กระโดดลงจากรถยนต์ระหว่างจับกุมตัว อย่างไรก็ตาม ในประเด็นดังกล่าวนี้ เบื้องต้นทราบว่ามีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนแล้ว และตนได้ติดต่อไปที่ พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7 เพื่อให้ติดตามตรวจสอบถึงข้อเท็จจริงดังกล่าวแล้ว เนื่องจากทางนางจารี (แม่นายแดนไท) ได้ไปแจ้งความไว้ที่ สภ.ในท้องที่

ส่วนกรณีที่นางจารีได้มีการไปร้องทุกข์กับ ปปท. ตนก็ได้ประสาน นายเกรียงไกร สืบสัมพันธ์ เพื่อดูว่าการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ เป็นการกระทำเกินกว่าเหตุหรือไม่ ถ้าใช่ ก็ต้องไปเรียกสิทธิค่าเสียหายต่อไป ส่วนเจ้าหน้าที่จะถูกดำเนินคดีหรือไม่ เบื้องต้นต้องรอดูคำวินิจฉัยของ ปปท. ก่อน แต่ถ้าหากครอบครัวนายแดนไทไม่สบายใจ เกรงว่าจะมี"ตำรวจ" นายไหนไปข่มขู่ ตนจะมอบหมายให้กรมคุ้มครองสิทธิฯ ดูแลเรื่องความปลอดภัยให้ พร้อมยืนยันว่า การกระทำผิดของเจ้าหน้าที่รัฐ จะไม่มีการละเว้น ความผิดส่วนความผิด การละเมิดสิทธิไม่สามารถกระทำได้ 

ด้าน"ทนายเดชา" เผยว่า เหตุเกิดต้นปี58 ตำรวจชุดสืบสวนไปจับกุมนายแดนไทในคดียาเสพติด แล้วอ้างว่าควบคุมตัวพาไปโรงพัก แต่กลับพาขึ้นเขาไปคนละทาง สุดท้ายนายแดนไทได้รับบาดเจ็บสาหัส ซึ่งทางนายแดนไทย ยืนยันว่าถูกเจ้าหน้าที่ "ตำรวจ"ทำร้ายระหว่างการควบคุมตัวในรถเก๋ง เจ้าหน้าที่ใช้ไม้เบสบอลสวนทวาร ใช้ตีหัว จนนายแดนไทยพิการตลอดชีวิต  เพิ่งกลับมาสื่อสารได้เล็กน้อยเมื่อปีที่แล้ว โดยทางครอบครัวผู้เสียหายมีการเเจ้ง ปปท. ไปแล้วเมื่อปี58 ขณะนี้รอให้เร่งดำเนินการสั่งฟ้องเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดดังกล่าว ทั้งนี้ ตำรวจทั้ง 11 นายที่ก่อเหตุในวันดังกล่าว ถูกตั้งคณะกรรมการสอบ แม้ว่าทางจังหวัดประจวบคีรีขันธ์จะแจ้งผลการตรวจสอบว่าปฏิบัติหน้าที่โดยชอบ แต่ทางครอบครัวคงรอผลการวินิจฉัยจาก ปปท. เนื่องจากทราบว่าเรื่องกำลังจะเข้าในที่ประชุมคณะกรรมการ เพราะการจับต้องมีหมายจับ ต้องมีของกลางปรากฏ แต่กรณีของนายแดนไทไม่เข้าหลักเกณฑ์ ดังนั้น ตำรวจจะมาใช้วิธีการศาลเตี้ยไม่ได้ และจะอ้างว่าผู้ต้องหากระโดดลงจากรถเองไม่ได้ เพราะในวันนั้น ผู้ต้องหาถูกใส่กุญแจมือ และขนาบข้างด้านหนึ่งด้วยดาบตำรวจนายหนึ่ง ผู้ต้องหาจะสามารถเปิดประตูเองได้อย่างไร และถ้ากระโดลงไปเอง เหตุใดบาดแผลทางร่างกายจึงไม่ปรากฏรอยถลอก เสื้อผ้าไม่มีการฉีกขาด แต่กลับสมองบวม และยังมาแจ้งให้นางจารีทราบอีกว่าจะไม่มีการแจ้งข้อหาอีกแล้ว แบบนี้ถือเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตาม มาตรา 157 หรือไม่

logoline